ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.66) ร่วงลงทุกตลาด โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 32,930.08 จุด ร่วงลง 339.69 จุด หรือ -1.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,808.10 จุด ลดลง 44.87 จุด หรือ -1.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,305.24 จุด ลดลง 153.52 จุด หรือ -1.47% เนื่องจากนักลงทุนกังวลข้อมูลแรงงานของสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้
โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 19,000 ราย สู่ระดับ 204,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย
ขณะที่ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 153,000 ตำแหน่ง จากระดับ 127,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.
แอนโทนี ซากลิมบีน นักวิเคราะห์ บริษัท Ameriprise ระบุว่า ข่าวดีเกี่ยวกับตลาดแรงงานกำลังกลายเป็นข่าวร้ายสำหรับตลาดหุ้น ข้อมูลแรงงานที่มีการเปิดเผยล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และตราบใดที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง เฟดก็จะยังคงคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ต่ำลง
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group ชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 45.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักเพียง 27.2%
ข่าวเด่น