ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (18 ม.ค.66) ร่วงแรงทุกตลาด โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 33,296.96 จุด ร่วงลง 613.89 จุด หรือ -1.81%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,928.86 จุด ลดลง 62.11 จุด หรือ -1.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,957.01 จุด ร่วงลง 138.10 จุด หรือ -1.24% เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่อ่อนแอลงทำให้นักลงทุนวิตกกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ ตลาดถูกกดดันจากคำกล่าวของนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ และนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ ที่สนับสนุนความจำเป็นที่เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปสู่ระดับสูงกว่า 5% เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค.65 ลดลง 1.1% ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.8% เนื่องจากผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ที่ลดลง รวมทั้งการปรับตัวลงของราคาน้ำมันเบนซิน ซึ่งกระทบต่อยอดขายของสถานีบริการน้ำมัน
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 6.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.8% และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐลดลง 0.7% ในเดือนธ.ค. หลังจากปรับตัวลง 0.6% ในเดือนพ.ย.
โดย นายมิเชล เรย์โนลด์ นักวิเคราะห์ บริษัท Glenmede ระบุว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่าการที่เฟดพยายามควบคุมเงินเฟ้อด้วยการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินนั้น กำลังส่งผลให้เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
.jpg)
ข่าวเด่น