ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ค่าเงินบาทเปิดตลาด (20 ม.ค.66) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 32.86 บาทต่อดอลลาร์


 
เงินบาทเปิดเช้านี้ (20 ม.ค.66) ที่ระดับ 32.86 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.05 บาทต่อดอลลาร์
 
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) โดยดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.76% หลังจากที่รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) รวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Jobless Claims) ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 190,000 ราย และ 1,647,000 ราย ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลแนวโน้มเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งอยู่ นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างก็ยังคงออกมาสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด อาทิ Susan Collins มองว่าเฟดอาจปรับดอกเบี้ยนโยบายจนแตะระดับสูงกว่า 5% ได้ (จาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดยังคงมองว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับ 5.00%)
 
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวลงแรง -1.55% หลังผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางหลักอีกครั้ง ซึ่งในส่วนของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประธาน ECB รวมถึงเจ้าหน้าที่ ECB ท่านอื่นๆ ต่างก็ออกมาสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง จนกว่า ECB จะมั่นใจว่าสามารถจัดการปัญหาเงินเฟ้อสูงได้สำเร็จ ความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางได้กดดันให้ หุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ต่างปรับตัวลงแรง อาทิ Adyen -6.5%, ASML -3.8%, Hermes -2.9%
 
ในฝั่งตลาดค่าเงิน แม้ตลาดจะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ทว่า เงินดอลลาร์กลับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ทำให้ล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงสู่ระดับ 102 จุด ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจเลือกที่จะเข้าไปถือสินทรัพย์อื่นแทนการถือเงินดอลลาร์ เนื่องจากในช่วงนี้ เงินดอลลาร์อาจเผชิญปัจจัยกดดันจากปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ (Debt Ceiling) ซึ่งสภาคองเกรสยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ได้ เพิ่มความเสี่ยงที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะผิดนัดชำระหนี้ในช่วงเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ แนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรปและภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่ได้แย่มากตามที่ตลาดเคยประเมินไว้ ก็ยังเป็นปัจจัยช่วยหนุนเงินยูโร อนึ่ง การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ได้ส่งผลให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทดสอบโซนแนวต้านแถว 1,930-1,940 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง ซึ่งเรามองว่า การปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านดังกล่าวของราคาทองคำ อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา
 
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านถ้อยแถลงของประธาน ECB (Christine Lagarde) รวมถึงเจ้าหน้าที่ของ ECB ท่านอื่นๆ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดก็จะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่อแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของเฟดเช่นกัน
 
และนอกเหนือจากถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนก็จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางของตลาดการเงินได้ โดยในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า รายงานผลประกอบการส่วนใหญ่ยังคงให้ภาพแนวโน้มผลประกอบการที่ไม่สดใสนักหรือผลประกอบการล่าสุดออกมาแย่กว่าคาด ทำให้บรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงอยู่
 
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า การกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนั้น ส่วนใหญ่ได้รับอานิสงส์จากทั้งการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า บรรยากาศในตลาดการเงินนั้นยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงอยู่ ทำให้เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มผันผวนอ่อนค่าได้บ้าง (โดยรวมยังเป็นการเคลื่อนไหว Sideways ในกรอบ) นอกจากนี้ เรายังคงเห็นการทยอยปิดสถานะ Short USDTHB ของผู้เล่นต่างชาติ ซึ่งส่วนหนึ่งได้สะท้อนผ่านแรงขายบอนด์ระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง (ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติทยอยขายสุทธิบอนด์ระยะสั้น วันละไม่น้อยกว่า 6 พันล้านบาทโดยเฉลี่ย)
 
อย่างไรก็ดี แม้ว่าเงินบาทอาจผันผวนในฝั่งอ่อนค่าบ้าง แต่เราประเมินว่า เงินบาทยังคงมีแนวต้านสำคัญในโซน 33.20-33.30 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้เล่นในตลาดต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์และเพิ่มสถานะ Short USDTHB ขณะเดียวกันเรามองว่า แนวรับของเงินบาทก็ยังคงอยู่ในโซน 32.70 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงทิศทางค่าเงินบาท อาทิ ตลาดการเงินพลิกกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น อาจจะด้วยรายงานผลประกอบการที่สุดท้ายออกมาดีกว่าคาด หรือ ตลาดเลิกกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เป็นต้น
 
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.75-33.15 บาท/ดอลลาร์

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 ม.ค. 2566 เวลา : 10:06:36

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:19 am