ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.66) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 34,053.94 จุด ลดลง 39.02 จุด หรือ -0.11 สวนทางกับดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,179.76 จุด เพิ่มขึ้น 60.55 จุด หรือ +1.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,200.82 จุด พุ่งขึ้น 384.50 จุด หรือ +3.25%
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเนื่องจากถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นในกลุ่มเฮลธ์แคร์ โดยหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ดิ่งลง 5.11% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ร่วงลง 3.29% หุ้นอิไล ลิลลี่ ร่วงลง 3.37% หลังจากทั้ง 3 บริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด
ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับผลประกอบการของเมตา แพลตฟอร์มส์ โดยบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 3.217 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.153 หมื่นล้านดอลลาร์ เมตายังเปิดเผยแผนการควบคุมต้นทุนที่เข้มงวดมากขึ้นในปีนี้ รวมทั้งประกาศแผนซื้อหุ้นคืนมูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ หุ้นเมตา ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 23.28% ขณะที่หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 3.71% หุ้นอะเมซอน พุ่งขึ้น 7.38% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 7.28% ก่อนที่ทั้ง 3 บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังตลาดปิดทำการซื้อขาย
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนธ.ค. แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.2% หลังจากลดลง 1.9% ในเดือนพ.ย.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 183,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 200,000 ราย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 187,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.6% ในเดือนม.ค. จากระดับ 3.5% ในเดือนธ.ค.
ข่าวเด่น