ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปิดเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,045.09 จุด ลดลง 84.50 จุด หรือ -0.26%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,991.05 จุด ลดลง 6.29 จุด หรือ -0.16% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,507.07 จุด เพิ่มขึ้น 14.77 จุด หรือ +0.13% หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งบ่งชี้ว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนให้คณะกรรมการเฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
โดยเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ. ระบุว่า กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมาย 2% ของเฟด และตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวมาก ด้วยเหตุนี้เฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางขาลงจนแตะระดับเป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่าควรจะชะลอความแรงในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ โดยปรับขึ้นเพียง 0.25% แต่ถึงกระนั้นก็ตาม กรรมการเฟดมองว่าความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะเงินเฟ้อสูงนั้น ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในวันข้างหน้า และเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้
เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์จากบริษัท Oanda กล่าวว่า แม้รายงานการประชุมครั้งล่าสุดแทบจะไม่แตกต่างจากที่ผู้ว่าการเฟดและประธานเฟดสาขาต่างๆได้แสดงความเห็นไว้ก่อนหน้านี้ แต่รายงานการประชุมก็ส่งสัญญาณชัดเจนว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป แม้มีความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยก็ตาม
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ที่จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2565 (ประมาณการครั้งที่ 2) และในวันพรุ่งนี้จะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค.,ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ข่าวเด่น