ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (1 มี.ค.66) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 35.25 บาทต่อดอลลาร์




ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (1 มี.ค.66)ที่ระดับ 35.25 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.34 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวนในช่วงวันสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนจะปรับตัวลดลง โดย ดัชนี S&P500 ย่อตัวลง -0.30% กดดันโดยความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด ทำให้บรรดาหุ้นขนาดใหญ่ของดัชนี S&P500 ยังคงแกว่งตัว sideways หรือย่อตัวลงเล็กน้อย อาทิ Nvidia -1.2%, Apple -0.3%, Amazon +0.5%

ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 กลับมาย่อตัวลง -0.32% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI ในฝั่งฝรั่งเศสและสเปนต่างเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 6.2% และ 6.1% ตามลำดับ เพิ่มโอกาสที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซนโดยรวมยังคงอยู่ในระดับสูงมากในช่วงนี้ ซึ่งภาพดังกล่าวได้ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า ECB อาจเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Deposit Facility Rate จนแตะระดับราว 3.80% (ระดับล่าสุด 2.50%) ได้ในช่วงสิ้นปี

ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหวผันผวน sideways โดยมีบางช่วงที่ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 3.97% อีกครั้ง ทว่าภาพรวมตลาดการเงินที่ยังคงไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง รวมถึงแรงซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะย่อตัวได้มีส่วนทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.94% สอดคล้องกับมุมมองของเรา ที่คงมองว่า จังหวะบอนด์ยีลด์ ปรับตัวสูงขึ้น จะเปิดโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวได้ (Buy on Dip)

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ฝรั่งเศสและสเปนออกมาสูงกว่าคาด อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็พลิกกลับมารีบาวด์ขึ้นและกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดผันผวน โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 105 จุด อีกครั้ง ส่วนในฝั่งราคาทองคำ การย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับของราคาทองคำ ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนได้ทยอยกลับเข้ามาซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว นอกจากนี้ ผู้เล่นบางส่วนยังได้เข้ามาซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ (Inflation-Hedge) หลังภาพอัตราเงินเฟ้อในเศรษฐกิจหลักยังอยู่ในระดับสูง ทำให้แม้ว่า เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นมาบ้าง แต่โดยรวม ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ก็สามารถรีบาวด์ขึ้นจากโซนแนวรับ มาสู่ระดับ 1,831 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ อนึ่งการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว อาจทำให้ผู้เล่นบางส่วนที่ทยอยสะสมในโซนแนวรับ เริ่มขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำบ้าง ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจมีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมา/ชะลอการอ่อนค่าลงได้

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังการผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน ทั้งในภาคการผลิตและภาคการบริการมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ระดับ 50.2 จุด และ 53.5 จุด ตามลำดับ

นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (ISM Manufacturing PMI) เดือนกุมภาพันธ์ โดยตลาดมองว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตอาจปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าสู่ระดับ 48 จุด แต่ยังคงสะท้อนสภาวะหดตัวของภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ อยู่ อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาแรงกดดันเงินเฟ้อผ่านดัชนีด้านราคาในรายงานดัชนี PMI รวมถึงภาวะการจ้างงานในภาคการผลิตจากดัชนีด้านการจ้างงานในรายงานดัชนี PMI

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น ส่วนหนึ่งอาจมาจากแรงขายทำกำไรของผู้เล่นบางส่วน หลังเงินบาทได้อ่อนค่าแรงในช่วงวันก่อนหน้าจนแตะระดับ 35.35 บาทต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ แรงขายเงินดอลลาร์ของฝั่งผู้ส่งออก รวมถึงการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทและหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง

ทั้งนี้ แม้เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่ายังคงมีอยู่ ทำให้ เรามองว่า เงินบาทจะยังคงไม่กลับตัวมาเป็นฝั่งแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอย่างชัดเจนและยังคงแกว่งตัว Sideways Up โดยเฉพาะหลังเงินบาทอ่อนค่าทะลุกรอบแนวต้านที่เราประเมินไว้ ทำให้โซนแนวต้านถัดไปจะถูกขยับขึ้นมาเป็นแถว 35.50 บาทต่อดอลลาร์ อนึ่ง เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในตลาดค่าเงิน โดยเฉพาะในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี ISM PMI สหรัฐฯ เพราะหากดัชนี ISM PMI สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ดีกว่าคาด ก็อาจหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อได้ ตามภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงสดใส แต่หากออกมาลดลง แย่กว่าคาด ผู้เล่นในตลาดอาจปรับลดมุมมองเชิงบวกต่อภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลงได้บ้าง ซึ่งอาจเห็นการย่อตัวของเงินดอลลาร์ พร้อมกับการปรับตัวขึ้นต่อของราคาทองคำได้ โดยในกรณีดังกล่าว ค่าเงินบาทก็มีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่อาจยังไม่หลุดแนวรับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์

ในช่วงนี้ จะเห็นได้ว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.15-35.40 บาท/ดอลลาร์

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 01 มี.ค. 2566 เวลา : 10:45:56

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:10 am