ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (3 เม.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,601.15 จุด พุ่งขึ้น 327.00 จุด หรือ +0.98%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,124.51 จุด เพิ่มขึ้น 15.20 จุด หรือ +0.37% ส่วน
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,189.45 จุด ลดลง 32.45 จุด หรือ -0.27%
โดยตลาดหุ้นดาวโจนส์ได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันอย่างเหนือความคาดหมาย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้
โดยหุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 4.9% หลังจากสมาชิกกลุ่มโอเปกพลัสประกาศปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจรวม 1.16 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566 โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 9.28% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 5.9% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 4.16% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 4.4%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวขึ้น 1.08% นำโดยหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.57% หุ้นอิไล ลิลลี่ ดีดขึ้น 2.13% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส บวก 0.28% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน พุ่งขึ้น 1.19%
อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ ท่ามกลางความกังวล การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 61.2% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 38.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%
หุ้นเทสลา ร่วงลง 6.12% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าในไตรมาส 1/2566 จำนวน 422,875 คัน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 430,008 คัน
นอกจากนี้ ข้อมูลภาคการผลิตที่ซบเซาของสหรัฐยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระหว่างวัน โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 46.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47.5 จากระดับ 47.7 ในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ ดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐ และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 5
นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยในวันอังคารจะมีการเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.พ. ขณะที่วันพุธจะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก ADP ส่วนในวันพฤหัสบดีจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และในวันศุกร์จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มความแข็งแกร่งของภาคธนาคาร หลังจากการล้มละลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ได้สร้างความตื่นตระหนกในช่วงที่ผ่านมา
ข่าวเด่น