ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,586.52 จุด เพิ่มขึ้น 101.23 จุด หรือ +0.30%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,109.11 จุด เพิ่มขึ้น 4.09 จุด หรือ +0.10% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,084.36 จุด ลดลง 3.60 จุด หรือ -0.03%
โดยดัชนีดาวโจนส์ได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่พุ่งขึ้นนำตลาดเมื่อคืนนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นมุมมองของนักลงทุนที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะต้านทานผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยหุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ พุ่งขึ้น 3.04% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) เพิ่มขึ้น 0.81% หุ้นฮันนีเวลล์ บวก 0.64% หุ้น 3M ดีดขึ้น 1.18%
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเมื่อวันศุกร์ (7 เม.ย.) เพิ่มขึ้น 236,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 238,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.6%
ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ออกมาใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และอัตราการว่างงานที่ลดลงนั้น นักวิเคราะห์มองว่าอาจทำให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 63.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 36.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมี.ค.ในวันพุธที่ 12 เม.ย. รวมทั้งรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 21-22 มี.ค.ในวันดังกล่าว และการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนมี.ค.ในวันพฤหัสบดีที่ 13 เม.ย. รวมถึงจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐสัปดาห์นี้ อาทิ ธนาคารขนาดใหญ่ เจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก ที่จะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2566 ในวันศุกร์นี้
ข่าวเด่น