ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,897.01 จุด ลดลง 79.62 จุด หรือ -0.23%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,154.52 จุด ลดลง 0.35 จุด หรือ -0.01% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,157.23 จุด เพิ่มขึ้น 3.81 จุด หรือ +0.03% หลังจากบริษัทจดทะเบียนเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง โดยบรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน โดยธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยกำไรในไตรมาส 1/2566 ลดลง 19% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 2.98 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.70 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้ลดลง 2% สู่ระดับ 1.452 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยได้รับผลกระทบจากภาวะซบเซาของธุรกิจวาณิชธนกิจ
ส่วนเน็ตฟลิกซ์ ผู้ให้บริการสตรีมมิงภาพยนตร์รายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 1.31 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.88 ดอลลาร์/หุ้น ลดลงจากไตรมาส 1/2565 ซึ่งอยู่ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.53 ดอลลาร์/หุ้น
รายงานดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์ปิดตลาดร่วงลง 3.17% โดยบริษัทระบุว่าขณะนี้มีการแชร์รหัสบัญชีบริการสตรีมมิงมากกว่า 100 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็นสัดส่วน 43% ของฐานผู้ใช้งานเน็ตฟลิกซ์ทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้และความสามารถของบริษัทในการลงทุนสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทจะเริ่มบังคับใช้มาตรการห้ามแชร์รหัสบัญชีในไตรมาส 2 ปีนี้
หุ้นวอลท์ดิสนีย์ ร่วงลง 2.16% หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ดิสนีย์มีแผนที่จะปลดพนักงานหลายพันคนทั่วโลกในสัปดาห์หน้า ซึ่งรวมถึงพนักงานในธุรกิจทีวี, ภาพยนตร์ และสวนสนุก โดยพนักงานที่ถูกปลดจะได้รับหนังสือแจ้งเตือนอย่างเร็วที่สุดในวันที่ 24 เม.ย.นี้
หุ้นเทสลา ร่วงลง 2.02% หลังบริษัทประกาศลดราคารถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model Y และ Model 3 ในสหรัฐ ซึ่งเป็นการปรับลดราคาครั้งที่ 6 แล้วในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าการปรับลดราคาจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัท
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก นอกจากนี้ นักลงทุนเข้าซื้อหุ้น Defensive ซึ่งเป็นหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี เช่นหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
นักลงทุนยังคงจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ข้อมูลจาก Refinitiv IBES ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะรายงานตัวเลขกำไรลดลง 4.8% ในไตรมาส 1/2566
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค.,ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.จากเอสแอนด์พี โกลบอล
ข่าวเด่น