ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (3 พ.ค.66) ร่วงลงทุกตลาด โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 33,414.24 จุด ลดลง 270.29 จุด หรือ -0.80%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,090.75 จุด ลดลง 28.83 จุด หรือ -0.70% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,025.33 จุด ลดลง 55.18 จุด หรือ -0.46% เนื่องจากวิตกกังวลหลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแสดงความเห็นทำให้นักลงทุนไม่แน่ใจว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกหรือไม่
โดยในช่วงแรกตลาดปรับตัวขึ้น หลังเฟดออกแถลงการณ์ระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ตามคาด ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 10 ติดต่อกันนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2565
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนในช่วงแรกจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.9 ในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 51.8 จากระดับ 51.2 ในเดือนมี.ค. โดยดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้การขยายตัวในภาคบริการของสหรัฐ
แต่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเริ่มปรับตัวลง หลังจากการแถลงข่าวของนายพาวเวลประธานเฟด ที่ระบุว่า เฟดมองว่าเงินเฟ้อของสหรัฐยังอยู่ในระดับที่สูงเกินไป และยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะสิ้นสุดลง
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดัน เนื่องจากบรรดานักลงทุนไม่แน่ใจว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในวันพุธนี้ (3 พ.ค.) จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ และกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
ข่าวเด่น