ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.66) ร่วง โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,618.69 จุด ลดลง 55.69 จุด หรือ -0.17%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,138.12 จุด เพิ่มขึ้น 1.87 จุด หรือ +0.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,256.92 จุด เพิ่มขึ้น 21.50 จุด หรือ +0.18%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนเกือบทั้งวัน โดยปัจจัยลบส่วนหนึ่งมาจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทไทสัน ฟู้ดส์ ผู้ผลิตเนื้อสัตว์รายใหญ่ของสหรัฐ หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2566 พร้อมปรับลดคาดการณ์รายได้และกำไรจากธุรกิจหลักในปีงบการเงิน 2566 ทำให้ราคาหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ปิดตลาดดิ่งลง 16.34% รวมถึงบริษัทคาทาเลนท์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยา ที่ราคาหุ้นคาทาเลนท์ปิดตลาดทรุดตัวลง 25.74%
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาคของสหรัฐร่วงลงเกือบ 3% แม้ว่านายพอล เทย์เลอร์ ผู้บริหารของแพคเวสต์ แบงคอร์ป (PacWest Bancorp) บริษัทแม่ของธนาคารแปซิฟิก เวสเทิร์น แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารประจำภูมิภาคของสหรัฐออกมายืนยันธนาคารยังคงมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง พร้อมประกาศลดการจ่ายเงินปันผลเพื่อพยุงอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (CET1) ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนปรับตัวลงตามราคาบิตคอยน์ หลังจากไบแนนซ์ (Binance) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศระงับการถอนบิตคอยน์ โดยหุ้นคอยน์เบส ลดลง 0.24% หุ้นมาราธอน ดิจิทัล ร่วงลง 11% หุ้นไรออท แพลตฟอร์มส์ ร่วงลง 9.10%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพุธและพฤหัสบดีตามลำดับ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 5.0% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากแตะระดับ 5.0% เช่นกันในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI พื้นฐาน (core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 5.5% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวจากระดับ 5.6% ในเดือนมี.ค.
ข่าวเด่น