ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,348.60 จุด เพิ่มขึ้น 47.98 จุด หรือ +0.14%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,136.28 จุด เพิ่มขึ้น 12.20 จุด หรือ +0.30% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,365.21 จุด เพิ่มขึ้น 80.47 จุด หรือ +0.66% โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตลดลงสู่ระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ ทำให้ตลาดวิตกกังวลเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และผู้นำสภาคองเกรส
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดิ่งลงสู่ระดับ -31.8 ในเดือนพ.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -3.75 หลังจากแตะระดับ +10.8 ในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 0 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตในนิวยอร์กเผชิญภาวะหดตัว เนื่องจากอุปสงค์ที่ซบเซาส่งผลให้คำสั่งซื้อใหม่ปรับตัวลดลง ส่วนการจ้างงานชะลอตัวลง
ทิม กริสคีย์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Ingalls & Snyder ในรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า การปรับตัวลงของดัชนีภาคการผลิตบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลง แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังอ่อนแรงลงและมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดวิตกกังวล
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยปธน.ไบเดนจะพบปะกับนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ รวมทั้งผู้นำของสภาคองเกรสในวันนี้ (16 พ.ค.) เพื่อเจรจาเป็นครั้งที่ 2 เกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ หลังจากที่การเจรจาครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วไม่มีความคืบหน้า
นายแมคคาร์ธีกล่าวว่า ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสยังคงมีจุดยืนที่แตกต่างกัน และทั้งสองฝ่ายยังคงห่างไกลจากการบรรลุข้อตกลง แต่อย่างน้อยที่สุด ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสควรหาทางบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ระยะสั้นภายในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อให้มีการออกกฎหมายป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ได้ทันก่อนวันที่ 1 มิ.ย.66
ข่าวเด่น