ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,979.33 จุด ลดลง 232.79 จุด หรือ -0.68%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,372.59 จุด เพิ่มขึ้น 3.58 จุด หรือ +0.08% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,626.48 จุด เพิ่มขึ้น 53.16 จุด หรือ +0.39% สาเหตุที่ดัชนีดาวโจนส์ร่วงกว่า 200 จุด เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ หลังการประชุมเฟดเมื่อคืนจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด
โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 10 ครั้งติดต่อกันนับตั้งแต่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.00% อย่างไรก็ตาม ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 5.50-5.75% ภายในสิ้นปีนี้
ส่วนการคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐนั้น เฟดปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวสู่ระดับ 1.0% ในปีนี้ แต่ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในปี 2567 และ 2568 สู่ระดับ 1.1% และ 1.8% ตามลำดับ พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสู่ระดับ 3.9% ในปีนี้ และอยู่ที่ 2.6% และ 2.2% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ
ทั้งนี้ หลังจากคณะกรรมการเฟดแถลงมติการประชุม นักลงทุนให้น้ำหนัก 63% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 25-26 ก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่ระดับ 60%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการรายงานล่าสุด กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 1.1% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.5% จากระดับ 2.3% ในเดือนเม.ย.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมิ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ข่าวเด่น