ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,474.83 จุด ลดลง 290.91 จุด หรือ -0.84%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,370.36 จุด ลดลง 33.97 จุด หรือ -0.77% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,316.93 จุด ลดลง 157.70 จุด หรือ -1.17% เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ที่สูงขึ้นแตะระดับ 4.31% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 2551 หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 25-26 ก.ค.ซึ่งระบุว่า เฟดมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ทำให้เฟดจำเป็นต้องใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินต่อไป ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อนักลงทุนว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้
นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลกรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองของสหรัฐด้วยนั้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง และจะทำให้บริษัทต่างๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ด้าน แบร์รี แบนนิสเตอร์ นักวิเคราะห์บริษัท Stifel กล่าวว่า นอกเหนือจากรายงานการประชุมเฟดแล้ว การปรับตัวลงของจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว ยังบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว และอาจทำให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 11,000 ราย สู่ระดับ 239,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 240,000 ราย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ที่ร่วงลงอย่างหนัก นำโดย หุ้นซีวีเอส เฮลธ์ ดิ่งลง 8% หลังมีรายงานว่า บลู ชิลด์ ออฟ แคลิฟอร์เนีย (Blue Shield of California) ซึ่งเป็นองค์กรด้านสุขภาพที่ไม่แสวงผลกำไร วางแผนที่จะยกเลิกการเป็นพันธมิตรกับซีวีเอสในฐานะผู้จัดการผลประโยชน์ร้านขายยา (PBM) และจะหันไปร่วมงานกับบริษัทอื่นๆ เช่นบริษัทอะเมซอน
ข่าวดังกล่าวยังได้ฉุดหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ และหุ้นซินา ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพ ร่วงลง 1.9% และ 6.4% ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นขานรับความหวังที่ว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.9% และ 1.7% ตามลำดับ
หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่าย พุ่งขึ้น 3.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด
หุ้นวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก ปิดตลาดลดลง 2.2% หลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้นในระหว่างวัน ขานรับตัวเลขเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาด
ข่าวเด่น