ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,463.69 จุด ลดลง 36.97 จุด หรือ -0.11%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,399.77 จุด เพิ่มขึ้น 30.06 จุด หรือ +0.69% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,497.59 จุด เพิ่มขึ้น 206.81 จุด หรือ +1.56%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.34% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 2550 เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานกว่าที่คาดไว้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภค
อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริษัทผลิตชิปเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นอินวิเดียพุ่งขึ้น 8.47% ปิดที่ระดับ 469.67 ดอลลาร์ หลังจากนักวิเคราะห์ของเอชเอสบีซีได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นอินวิเดียขึ้นสู่ระดับ 780 ดอลลาร์
นักลงทุนคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2567 ของอินวิเดียซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพุธนี้จะออกมาแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาหุ้นอินวิเดียพุ่งขึ้นไปแล้วว่า 220% ขานรับมุมมองบวกที่ว่าอินวิเดียจะได้ประโยชน์จากการที่บริษัทจำนวนมากหันมาเพิ่มการใช้จ่ายในการซื้อชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI)
เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา อินวิเดียเปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในเดือนก.พ.-เม.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2567 อยู่ที่ระดับ 1.09 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.92 ดอลลาร์ ส่วนรายได้อยู่ที่ 7.19 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.52 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันศุกร์ที่ 25 ส.ค.นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 24 ส.ค.ไปจนถึงวันที่ 26 ส.ค. ภายใต้หัวข้อ “Structural Shifts in the Global Economy”
ข่าวเด่น