ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,666.34 จุด เพิ่มขึ้น 116.07 จุด หรือ +0.35%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,299.70 จุด เพิ่มขึ้น 25.19 จุด หรือ +0.59% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,201.28 จุด เพิ่มขึ้น 108.43 จุด หรือ +0.83% โดยได้แรงหนุนจากการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยแมทท์ สตัคกี นักวิเคราะห์บริษัท Northwestern Mutual Wealth Management กล่าวว่า การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 4.6% หลังพุ่งทำนิวไฮในรอบ 16 ปีนั้น ช่วยให้แรงกดดันในตลาดหุ้นผ่อนคลายลง และคาดว่าตลาดมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากร่วงลงเป็นเวลาหลายวัน
นอกจากนี้ นักลงทุนซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุด ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2566 ที่ขยายตัว 2.1% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 204,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 214,000 ราย
ด้าน นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมแบบทาวน์ฮอลล์ร่วมกับบรรดานักวิชาการเมื่อวานนี้ ไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยเขากล่าวเพียงว่า การทำให้สาธารณชนมีความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและภารกิจของเฟดนั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญ และหนึ่งในเป้าหมายของเฟดในการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจก็คือ การให้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจด้านการใช้จ่ายและการลงทุนทั้งในวันนี้และในอีกหลายเดือนข้างหน้า
นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของสภาคองเกรสในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว ซึ่งหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 30 ก.ย. ก็จะทำให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ หรือชัตดาวน์ในวันที่ 1 ต.ค.
นายพีท บูติเจจ รัฐมนตรีกระทรวงการขนส่งสหรัฐเตือนว่า หากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐถูกชัตดาวน์ ก็จะส่งผลให้การเดินทางทางอากาศต้องหยุดชะงักลง และอาจทำให้รัฐบาลต้องสั่งให้พนักงานของหอควบคุมการจราจรทางอากาศจำนวนมากหยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ขณะที่สมาคมการเดินทางแห่งสหรัฐ (U.S. Travel Association) ประเมินว่า การชัตดาวน์จะสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการเดินทางของสหรัฐเป็นจำนวนมากถึง 140 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เวลาประมาณ 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.3% ในเดือนก.ค. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.2% ในเดือนก.ค.
ข่าวเด่น