ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,433.35 จุด ลดลง 74.15 จุด หรือ -0.22%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,288.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.34 จุด หรือ +0.01% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,307.77 จุด เพิ่มขึ้น 88.45 จุด หรือ +0.67% ตลาดยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยเฟดส่งสัญญาณในการประชุมเดือนก.ย.ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น เนื่องจากการที่เฟดจะบรรลุเป้าหมายการฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่ระดับ 2% นั้น อาจต้องใช้เวลานาน
นางมิเชล โบว์แมน หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดแสดงความเห็น เธอยังคงสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อชะลอตัวช้าเกินไป
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นนิวยอร์ก ที่สภาคองเกรสสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว และส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามเป็นกฎหมายได้ก่อนกำหนดเส้นตายในช่วงเที่ยงคืนของวันเสาร์ที่ 30 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์
แต่ทั้งนี้นักลงทุนมองว่าการที่สภาคองเกรสผ่านร่างงบประมาณดังกล่าวเป็นเพียงการซื้อเวลาต่อไปอีก 45 วันเท่านั้น เนื่องจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน และการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน โดยหากสภาคองเกรสไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งดังกล่าวเพื่อให้มีการจัดทำงบประมาณระยะยาวได้ทันวันที่ 17 พ.ย. สหรัฐก็อาจจะเผชิญการชัตดาวน์อีกครั้ง
สัปดาห์นี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐเพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค. และในวันพุธจะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP
ส่วนในวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และในวันศุกร์จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 163,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะลดลงสู่ระดับ 3.7% จากระดับ 3.8% ในเดือนส.ค.
ข่าวเด่น