ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,804.87 จุด เพิ่มขึ้น 65.57 จุด หรือ +0.19%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,376.95 จุด เพิ่มขึ้น 18.71 จุด หรือ +0.43% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,659.68 จุด เพิ่มขึ้น 96.83 จุด หรือ +0.71% โดยตลาดได้แรงหนุนจากการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 4.581% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ ได้รับปัจจัยบวกจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งบ่งชี้ว่ากรรมการเฟดส่วนหนึ่งสนับสนุนให้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 19-20 ก.ย.ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนมองว่าเฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในการประชุมครั้งใดครั้งหนึ่งในปีนี้ แต่กรรมการอีกส่วนหนึ่งมองว่า เฟดไม่ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ราคาน้ำมัน และภาวะในตลาดการเงินแล้ว เฟดควรจะดำเนินการอย่างระมัดระวังในการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยควรจะอิงตามข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมา มากกว่าที่จะกำหนดแนวทางอัตราดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้า
แองเจโล คอร์คาฟาส นักวิเคราะห์จากบริษัท Edward Jones กล่าวว่า รายงานการประชุมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเฟดเล็งเห็นถึงความเสี่ยงของการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเกินไป และช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก อย่างไรก็ดี เฟดจะนำตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้มาพิจารณาด้วย เนื่องจากเฟดยังคงยึดแนวทางการอิงข้อมูลเศรษฐกิจเพื่อประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้น 2% และ 1.6% ตามลำดับ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐชะลอตัวลง
แต่ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1.4% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงเกือบ 3% นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานยังถูกฉุดจากราคาหุ้นเอ็กซอน โมบิล ที่ดิ่งลง 3.6% หลังจากบริษัทตกลงซื้อกิจการบริษัทไพโอเนียร์ เนเชอรัล รีซอสเซส (Pioneer Natural Resources) ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง มูลค่า 5.95 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นไพโอเนียร์พุ่งขึ้น 1.4%
หุ้นอิไล ลิลลี (Eli Lilly) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.5% หลังจากมีรายงานว่า โนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาของเดนมาร์ก ประสบความสำเร็จในการทดลองยาโอเซมปิก (Ozempic) สำหรับรักษาภาวะไตวายในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 2.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.6% จากระดับ 2.0% ในเดือนส.ค. และดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3% จากระดับ 2.5% ในเดือนส.ค.
ส่วนในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สำหรับวันพรุ่งนี้จะเป็นการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ข่าวเด่น