ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดลดลง 332.57 จุด หรือ -0.98% ปิดที่ 33,665.08 จุด ดัชนี S&P500 ปิดลดลง 58.60 จุด หรือ -1.34% ปิดที่ 4,314.60 จุด และดัชนีแนสแดค ปิดลดลง 219.44 จุด หรือ -1.62% ปิดที่ 13,314.30 จุด เนื่องจากตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 4.9% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550 หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า การอนุญาติก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวพุ่งขึ้น 1.8% สู่ระดับ 9.65 แสนยูนิตในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2565 และเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่ทวีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มบานปลาย แม้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเดินทางเยือนอิสราเอลสั้นๆ ในวันพุธ(18ต.ค.) ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
ทั้งนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 90% ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย. แต่เพิ่มน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายในปีนี้
ข่าวเด่น