ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (31 ต.ค.66) ดัชนีอยู่ที่ 1,393.65 จุด ลบ 2.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,517.06 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ประเมิน SET วันนี้ ฟื้นตัวแนวต้าน 1,400 / 1,410 จุด ก่อนสลับอ่อนตัว โดยภาวะตลาดได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นรวมถึงแรงซื้อดักงบ 3Q23 อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงจากคาดการณ์สงครามในตะวันออกลางจะไม่กระทบด้าน Supply อีกทั้งการชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามการประชุม FOMC (คาดคง ดอกเบี้ย 5.25-5.50% ) และจับสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยในอนาคตจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ :
- PTTGC IVL SCGP SCC DOHOME GLOBAL อานิสงส์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ GPSC BGRIM GULF TASCO อานิสงส์ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง
- กลุ่มคาดงบ 3Q23F เติบโต BDMS BH BCH CHG BTS BEM SAPPE ICHI OSP CBG AMATA TOP SPRC CENTEL AOT
ประเด็นสำคัญวันนี้ที่ต้องติดตาม :
(+/-) ดาวโจนส์บวกแรงขณะที่ราคาน้ำมันดิบร่วงหนักคาดเหตุสู้รบในอิสราเอล ยังไม่กระทบอุปทานน้ำมัน: ดัชนีดาวโจนส์พุ่งแรงกว่า 511 จุด (+1.58%) ปิดที่ 32,928.96 จุด ตอบรับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนซึ่งปัจจุบันประกาศงบแล้ว จำนวน 251 แห่งมี 78% ผลประกอบการที่กว่าที่ตลาดคาด ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 3.23$ (+3.78%) ปิดที่ 82.31 $/bbl ประเมินเหตุสู้รบในอิสราเอลจะยัง ไม่กระทบอุปทานน้ำมันดิบในระยะนี้
(+/-) วันนี้ติดตาม BoJ Meeting, ดัชนี PMI จีน และแบงก์ชาติรายงานภาวะเศรษฐกิจ เดือน ก.ย.: เบื้องต้น Consensus คาด BoJ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.10% ตามเดิม, ส่วนจีนลุ้นดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ย.ยืนเหนือ ระดับ 50 เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันส่งผลบวกต่อกลุ่ม China play อาทิ วัสดุก่อสร้าง, ปิโตรฯ และปิดท้ายที่รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนก.ย.จากแบงก์ชาติโฟกัส หลักอยู่ที่ดุลบัญชีเดินสะพัดหากเป็นบวกมากขึ้น บ่งชี้ Fund flow เริ่มไหลเข้า
(+/-) กลางสัปดาห์ติดตาม FED Meeting คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.5% ตามเดิม: สะท้อนจาก FED Watch tool นักลงทุนให้น้ำหนัก 95% คาดเฟดคง อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.2-5.5% โดยมีเพียง 3% เท่านั้นที่คาดว่าเฟดจะขึ้น ดอกเบี้ยเป็น 5.5-5.75% อย่างไรก็ตามต้องติดตามถ้อยแถลงของ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดจะส่งสัญญาณการดำเนินโยบายการเงินในช่วงที่เหลือของปี นี้และปีหน้าอย่างไร
ข่าวเด่น