ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดเพิ่มขึ้น 221.71 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 33,274.58 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 44.06 จุดหรือ 1.05% ปิดที่ 4,237.86 จุด และดัชนีแนสแดค ปิดเพิ่มขึ้น 210.23 จุดหรือ 1.64% ปิดที่ 13,061.47 จุด หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม ที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันพุธ (1 พ.ย.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี โดยการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ถือเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เฟดปรับขึ้นมาแล้ว 11 ครั้ง นับตั้งแต่เดือนมี.ค.2565 เป็นต้นมา ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
ขณะที่ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า ผู้กำหนดนโยบายจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง แม้ยังไม่มั่นใจว่าเงื่อนไขทางการเงินมีข้อจำกัดเพียงพอ ที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำที่สุด เท่าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯต้องการ
ด้าน ไมเคิล เจมส์ (Michael James) กรรมการผู้จัดการฝ่ายซื้อขายหุ้นของ Wedbush Securities กล่าวว่า ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวผันผวนในช่วงแรกที่ประธานเฟดแถลงข่าว ก่อนปรับตัวขึ้นสู่แดนบวก เนื่องจากประธานเฟดไม่ได้กล่าวยืนยันว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน เหมือนกับที่เคยกล่าวย้ำในการแถลงข่าวครั้งที่แล้ว
พร้อมกันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวลดลง หลังกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดประมูลพันธบัตร วงเงิน 1.12 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์หน้า โดยเริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ 7 พ.ย.เป็นต้นไป
นักลงทุนจับตาการรายงานเผยผลประกอบการของบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ในวันนี้ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 1.88 แสนตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังพุ่งขึ้น 3.36 แสนตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานในเดือนต.ค. จะทรงตัวที่ระดับ 3.8%
ข่าวเด่น