ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (7 พ.ย.66) เวลา 9.58 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,414.14 จุด ลบ 3.07 จุด มูลค่าการซื้อขาย 905.37 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (7 พ.ย.66) ประเมิน SET พักตัวกรอบ 1,410-1,430 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านที่อ่อนตัวลงหลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฟื้นตัวขึ้น ซึ่งกดดันต่อฟันด์โฟลว์
นอกจากนี้คาดว่านักลงทุนจะชะลอการซื้อขายเพื่อรอติดตามการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ Consensus คาด 3.8% จาก 3.7% จึงแนะนำเลือกซื้อกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ประเด็นสำคัญวันนี้ คือ 1.อัตราเงินของเฟ้อของไทยในเดือน ต.ค. ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 25 เดือน โดย Heacline CPI เดือน ต.ค. ลดลงสู่ระดับ -0.31% จาก 0.3% ในเดือน ก.ย. นับเป็นอัตราเงินเฟ้อติดลบ (เงินฝืด) ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.66% จาก 0.63% ในเดือน ก.ย. เราไม่ได้กังวัลกับประเด็นนี้มากนัก เนื่องจากเป็นผลชั่วคราว ซึ่งเกิดจากมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ
2.น้ำมันดิบฟื้นตัวรับข่าวซาอุฯ และรัสเซีย จะลดอุปทานตามมติเดิมไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.31 เหรียญ (0.4%) ปิดที่ระดับ 80.82 เหรียญ/บาร์เรล รับข่าวซาอุฯ และรัสเซีย ยืนยันจะปรับลดการผลิตตามมติเดิมไปจนถึงสินปีนี้
โดยซาอุฯ จะลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และรัสเซียจะลดการส่งออกน้ำมันดิบ 3 แสนบาร์เรลต่อวัน การฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบจะส่งผลบวกโดยตรงต่อกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น
3.TU ESSO และ GPSC ประกาศงบไตรมาส 3 /2566 มีกำไรสูทธิมากกว่าที่ Consensus คาดไว้ โดย TU มีกำไรสทธิ 1.2 พันล้านบาทมากกว่าที่ Consensus คาดไว้ 8% และเพิ่มขึ้น 17% QOQ ส่วน YOY ลดลง 52% ESSO มีกำไรสุทธิ 4.6 พันล้านบาท ดีขึ้นจากที่ขาดทุนสุทธิ 1,294 ล้านบาท และ 3,127 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2566 และไตรมาส 3/2565
ส่วน GPSC มีกำไรสุทธิ 1,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 479% QOQ และ 441% YOY มากกว่าที่ Consensus คาดไว้ 15%
หุ้นแนะนำวันนี้ TU (ปิด 14 บาท ซื้อ/เป้า BB Consensus 16.8 บาท) ผลกำไรผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่คาดว่าจะได้เข้าคำนวณในดัชนี MSCI รอบใหม่ (ประกาศ 14 พ.ย. 2566)
และ SPRC (ปิด 7.95 บาท ซื้อ/เป้า 10.80 บาท) ได้ Sentiment บวกจากค่าการกลั่น และราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว และดักซื้อเก็งกำไรก่อนที่ SPRC จะประกาศงบไตรมาส 3/2566 ในวันพรุ่งนี้
เบื้องต้นคาดพลิกมีกำไรสุทธิ 3.7 พันล้านบาทเทียบจากขาดทุนสุทธิ 2.1 พันล้านบาท และ 5 พันล้านบาทในไตรมาส 2/2566 และไตรมาส 3/2565 ตามลำดับ
ข่าวเด่น