ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,945.47 จุด ลดลง 45.74 จุด หรือ -0.13%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,508.24 จุด เพิ่มขึ้น 5.36 จุด หรือ +0.12% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,113.67 จุด เพิ่มขึ้น 9.84 จุด หรือ +0.07%
ดัชนีดาวโจนส์ได้รับผลกระทบภายหลังจากบริษัทซิสโก้ ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปี 2567 และบริษัทวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยการคาดการณ์ผลกำไรที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
โดยหุ้นซิสโก้ ซิสเต็มส์ ร่วงลง 9.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในเดือนส.ค.-ต.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 1 ตามปีงบการเงินบริษัท อยู่ที่ 1.11 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.03 ดอลลาร์ แต่บริษัทปรับลดคาดการณ์กำไรต่อหุ้นในปีงบการเงิน 2567 ลงสู่ระดับ 3.87-3.93 ดอลลาร์ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4.01-4.08 ดอลลาร์ เนื่องจากความต้องการอุปกรณ์เครือข่ายมีแนวโน้มชะลอตัวลง
หุ้นวอลมาร์ท ดิ่งลง 8.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2566 ที่ระดับ 1.53 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.52 ดอลลาร์ แต่บริษัทคาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้นในปีงบการเงิน 2566 จะอยู่ที่ 6.40 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.48 ดอลลาร์
พอล นอลเต้ นักวิเคราะห์บริษัท Murphy & Sylvest กล่าวว่า ซิสโก้ ซิสเต็มส์ และวอลมาร์ท ถือเป็น “กระดูกสันหลัง” ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมค้าปลีก ตามลำดับ การเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ที่อ่อนแอของทั้งสองบริษัทจึงทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคและแนวโน้มของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของวอลมาร์ทได้ฉุดหุ้นบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วย ซึ่งรวมถึงหุ้นดอลลาร์ ทรี ดิ่งลง 4.2% หุ้นทาร์เก็ต ปรับตัวลง 0.4% หุ้นนอร์ดสตรอม ร่วงลง 4.7%
อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ยังคงปิดในแดนบวก ซึ่งได้แก่หุ้นไมโครซอฟท์, แอปเปิ้ล, อัลฟาเบท, เมตา แพลตฟอร์มส์ และอินวิเดีย โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลง
สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ 231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 220,000 ราย โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยเพิ่มเติมที่สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.2566, ม.ค.2567 และมี.ค.2567 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. 2567
ข่าวเด่น