ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (21 พ.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากบริษัทค้าปลีกหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหากภารกิจการควบคุมเงินเฟ้อไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,088.29 จุด ลดลง 62.75 จุด หรือ -0.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,538.19 จุด ลดลง 9.19 จุด หรือ -0.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,199.98 จุด ลดลง 84.55 จุด หรือ -0.59%
ดัชนีหุ้นกลุ่มค้าปลีก (S&P500 Retail Index) ร่วงลง 1.2% หลังจากบริษัทค้าปลีกเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ โดยเบสต์บาย ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกสินค้าอิเลคทรอนิคส์รายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า รายได้ในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 9.76 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 9.90 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงินปัจจุบันลงสู่ระดับ 4.31-4.37 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 4.38-4.45 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะที่บริษัทโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ระดับ 2.047 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.089 หมื่นล้านดอลลาร์
ผลประกอบการที่น่าผิดหวังได้ฉุดราคาหุ้นเบสต์บาย ลดลง 0.7% และหุ้นโลว์ส ดิ่งลง 3.12% ขณะที่บริษัทค้าปลีกรายอื่น ๆ ได้เปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่เช่นกัน ซึ่งรวมถึงบริษัทอเมริกัน อีเกิล และโคลห์ คอร์ป
ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ก่อนที่บริษัทอินวิเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการหลังตลาดปิดทำการซื้อขาย โดยหุ้นอินวิเดีย ปรับตัวลง 0.9% หุ้นอะเมซอน ร่วงลง 1.5% หุ้นแอปเปิ้ล ลดลง 0.42% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ลดลง 0.9%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังปรับตัวลงหลังจากรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ระบุว่า กรรมการเฟดจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง และอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากภารกิจการควบคุมเงินเฟ้อไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 4.1% สู่ระดับ 3.79 ล้านยูนิตในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเดือนที่ 5 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.90 ล้านยูนิต
ข่าวเด่น