ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,430.42 จุด เพิ่มขึ้น 13.44 จุด หรือ +0.04%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,550.58 จุด ลดลง 4.31 จุด หรือ -0.09% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,258.49 จุด ลดลง 23.27 จุด หรือ -0.16% โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาส่งสัญญาณถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ไม่สอดคล้องกัน สร้างความไม่มั่นใจให้กับตลาด
โดย นายโธมัส บาร์กิน ประธานเฟด สาขาริชมอนด์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้ว่า เขาไม่มั่นใจว่าเงินเฟ้อของสหรัฐจะปรับตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% หรือไม่ และเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหากเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น
ขณะที่ นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟด มองสวนทางกัน โดยระบุว่า เขาเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในขณะนี้อยู่ในระดับที่เข้มงวดมากเพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง และทำให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% นอกจากนี้ นายวอลเลอร์ยังส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้
ด้าน นายทิม คริสคีย์ นักวิเคราะห์ บริษัท Ingalls & Snyder กล่าวว่า การส่งสัญญาณที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันของเจ้าหน้าที่เฟดทำให้ตลาดกังวลว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจสหรัฐค่อนข้างแข็งแกร่งและมีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง ส่วนอีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดอ่อนแรงลงนั้น มาจากการที่นักลงทุนขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนนี้
ขณะที่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2566 GDP ขยายตัว 5.2% สูงกว่าการประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 4.9% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 5.0% โดยได้แรงหนุนจากการลงทุนของภาคเอกชนและการใช้จ่ายของรัฐบาล
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.4% ในเดือนก.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.7% ในเดือนก.ย.66
ข่าวเด่น