ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (4 ธ.ค.66) ดัชนีอยู่ที่ 1,379.38 จุด ลบ 0.93 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,422.16 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ประเมิน SET วันนี้ แกว่งตัว 1,370 - 1,390 จุด แม้ดัชนีจะได้แรงหนุนจากประธาน FED สนับสนุนว่าอัตราดอกเบี้ยอาจแตะระดับสูงสุดแล้วส่งผลให้ US bond yield และ เงิน USD อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงมากกว่า 2% หลัง ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐเดือนพ.ย. ยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอที่ระดับ 46.7 ซึ่งเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน ดังนั้นจึงแนะนำ Selective buy กลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเช่นเดิม
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ :
- PSL TTA อานิสงส์ค่าระวางเรือดีดตัวขึ้น
- GULF GPSC BGRIM TASCO SCGP อานิสงส์ต้นทุนพลังงานอ่อนตัวลง
- WHA AMATA เติบโตตามการลงทุนอุตฯ รถ EV และ ศูนย์ Data center
ประเด็นสำคัญวันนี้ที่ต้องติดตาม
(-) ภาคการผลิตของสหรัฐยังไม่ฟื้นดัชนี PMI การผลิตเดือนพ.ย. หดตัวเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน: เมื่อวันศุกร์สหรัฐรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก ISM ในเดือนพ.ย.ทรงตัวที่ระดับ 46.7 แต่น้อยกว่าที่ Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เป็น 47.6 ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นระดับดัชนีที่ต่ำกว่า 50 ซึ่งสะท้อนภาคการผลิตยังหดตัวเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน (กังวลกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ มากขึ้น)
(+) ประธานเฟดส่งสัญญาณจะใช้นโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง ตลาดตีความดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุดแล้ว: นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแอตแลนต้าของสหรัฐ โดยครั้งนี้ ประธานเฟดระบุว่าจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวังไม่ให้เข้มงวดหรือผ่อนคลายมากเกินไปสะท้อนว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม หรือบ่งชี้ว่าดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุดลงแล้วเป็นบวกกับการลงทุนในตลาดพันธบัตร และตลาดหุ้น
(-) น้ำมันดิบร่วงแรงเป็นวันที่ 2 กังวลเศรษฐกิจชะลอตัวกดดันดีมานด์: ราคา น้ำมันดิบ WTI ลดลงอีก 1.89$ (-2.49%) ปิดที่ระดับ 74.07$/bbl ร่วงแรงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจ ถดถอยมากขึ้นหลังภาคการผลิตของสหรัฐยังหดตัวอย่างต่อเนื่อง หากปีหน้าเศรษฐกิจสหรัฐ และยุโรปเข้าสู่ ภาวะถดถอยจะทำให้ดีมานด์พลังงานลดลงกดดันราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
ข่าวเด่น