ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการวันแรกของปี (2 ม.ค.2567) ดัชนีอยู่ที่ 1,415.84 จุด ลบ 0.01 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,669.58 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ประเมิน SET วันนี้ ปรับตัวขึ้นแนวต้าน 1,420 - 1,430 จุดก่อนสลับอ่อนตัว ตามความ คาดหวัง FED และ ECB จะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้หลังแรงกดดันจาก เงินเฟ้อชะลอตัวลงต่อเนื่อง รวมถึงแรงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวช่วยหนุน ภาวการณ์ลงทุน อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงจะกดดันต่อกลุ่มพลังงาน จึงยังคงแนะนำ Selective buy
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ :
- GULF GPSC BGRIM TASCO EPG อานิสงส์ต้นทุนพลังงานอ่อนตัวลง
- CRC CPN HMPRO GLOBAL DOHOME COM7 อานิสงส์ E-refund
- WHA AMATA CBG TU ITC AUCT PLANB SABINA แนวโน้ม 4Q23 เติบโต
ประเด็นสำคัญวันนี้ที่ต้องติดตาม :
(+) สถิติบ่งชี้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเกิด January effect สูงถึง 70%: อิงสถิติย้อนหลัง 10 ปี (2014-2023) พบว่าตลาดหุ้นไทยในเดือน ม.ค. ให้ผลตอบแทน เป็นบวกจำนวน 7 ปี และมีเพียง 3 ปีเท่านั้นที่ให้ผลตอบแทนติดลบหรือคิดเป็นโอกาสที่การลงทุนในเดือน ม.ค. ของทุกปีจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกที่ 70% ปีนี้ คาดหวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
(+) จีนเครื่องชี้ภาคการผลิตยังไม่ฟื้นดัชนี PMI การผลิตหดตัวแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน: จีน (NBS) รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ธ.ค. ลดลงสู่ระดับ 49 จาก 49.4 ในเดือน พ.ย. และต่ำกว่าที่ Consensus คาดว่าจะปรับขึ้นสู่ระดับ 49.5 นับเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันและต่ำสุดในรอบ 6 เดือนสะท้อนภาคการผลิตจีนยังชะลอตัว
(+/-) ติดตาม Nonfarm Payrolls ชี้วัดความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานสหรัฐ:Nonfarm Payrolls หรือ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเป็นอีกหนึ่งตัวเลขที่เฟดให้ ความสำคัญ หากตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวเพิ่มขึ้นหรือเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาด คาดจะเพิ่มโอกาสให้เฟดตัดสินใจคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเป็น Sentiment ลบกดดันตลาด เบื้องต้น Consensus คาดจำนวนการจ้างงานที่ 1.63 แสนคน และ อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 3.8% จาก 3.7% ในเดือน พ.ย.
ข่าวเด่น