ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,430.19 จุด ลดลง 284.85 จุด หรือ -0.76%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,704.81 จุด ลดลง 38.02 จุด หรือ -0.80% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,592.21 จุด ลดลง 173.73 จุด หรือ -1.18% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในปีก่อน นอกจากนี้ยังถูกกดดันจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
โดยคณะกรรมการเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 12-13 ธ.ค. 2566 ระบุกรรมการเฟดมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อของสหรัฐอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้และความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกนั้นเริ่มมีน้อยลง ขณะเดียวกันกรรมการเฟดมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่เฟดดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินมากเกินไป
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดคาดการณ์ว่าอาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าการปรับลดดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นเมื่อใด
เจสัน เบทซ์ นักวิเคราะห์บริษัท Ameriprise Financial กล่าวว่า ตลาดต้องการความชัดเจนว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใดและปรับลดลงมากเพียงใด แต่เฟดไม่ได้พูดถึงในรายงานการประชุมครั้งนี้ ซึ่งการส่งสัญญาณที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลและเทขายหุ้นออกมา ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ตลาดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เกิดจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 และจากการที่นักลงทุนปรับโพสิชั่นในช่วงปีใหม่
นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น เมื่อนายโทมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเขากล่าวว่าเฟดยังคงมีทางเลือกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะแม้ว่าเฟดมีความคืบหน้าในการชะลอเงินเฟ้อ แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่ว่าภารกิจของเฟดในการสกัดเงินเฟ้ออาจจะยังไม่สิ้นสุดลง
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนม.ค.ปีนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนให้น้ำหนัก 67% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. ซึ่งลดลงจากการสำรวจก่อนหน้านี้ที่นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 70%
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 163,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.8% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 3.7% ในเดือนพ.ย.66
ข่าวเด่น