ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (11 ม.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,711.02 จุด เพิ่มขึ้น 15.29 จุด หรือ +0.04%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,780.24 จุด ลดลง 3.21 จุด หรือ -0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,970.19 จุด เพิ่มขึ้น 0.54 จุด หรือ +0.004% โดยภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดและข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 4% เมื่อคืนนี้ หลังจากการประมูลพันธบัตรอายุ 30 ปี วงเงิน 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.2% จากระดับ 3.1% ในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.9% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.8% จากระดับ 4.0% ในเดือนพ.ย.
ส่วนตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 202,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 210,000 ราย
ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดและข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 67% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. ซึ่งลดลงจากระดับ 71% ในช่วงก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลข CPI
นอกจากนี้ การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนลดน้ำหนักการคาดการณ์ดังกล่าว โดยนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ และนายโทมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ กล่าวว่า ดัชนี CPI ที่ออกมาสูงเกินคาดในเดือนธ.ค.ทำให้เฟดไม่มั่นใจว่าเงินเฟ้อของสหรัฐจะลดลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% และบ่งชี้ว่าเฟดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ข่าวเด่น