ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (13 ก.พ.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,272.75 จุด ลดลง 524.63 จุด หรือ -1.35%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,953.17 จุด ลดลง 68.67 จุด หรือ -1.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,655.60 จุด ลดลง 286.95 จุด หรือ -1.80% หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงกว่าคาด ซึ่งทำให้ตลาดวิตกกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.ตามที่คาดการณ์ไว้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.9% จากระดับ 3.4% ในเดือนธ.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.9% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.7% จากระดับ 3.9% ในเดือนธ.ค. ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 36.1% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพ.ค. ซึ่งลดลงจากระดับ 58% ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI พร้อมกับให้น้ำหนัก 74.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. บ็อบ อิลเลียต นักวิเคราะห์บริษัท Unlimited Funds กล่าวว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้ออกมาส่งสัญญาณว่าอาจจะเร็วเกินไปที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมาย และการเปิดเผยดัชนี CPI ครั้งล่าสุดถือเป็นการยืนยันในสิ่งที่เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความเห็นไว้ ดัชนี CPI ที่สูงเกินคาดส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน และสร้างแรงกดดันต่อหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 2.1% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.6% หุ้นอะเมซอน ร่วงลง 2.1% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ร่วงลง 1.8%
ข่าวเด่น