ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (20 มี.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,512.13 จุด เพิ่มขึ้น 401.37 จุด หรือ +1.03%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,224.62 จุด เพิ่มขึ้น 46.11 จุด หรือ +0.89% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,369.41 จุด เพิ่มขึ้น 202.62 จุด หรือ +1.25% หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย ระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด และยังคงส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้งในปีนี้ โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมเดือนธ.ค. 2566
ในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐขึ้นสู่ระดับ 2.1%, 2.0% และ 2.0% ในปี 2567, 2568 และ 2569 จากเดิมคาดการณ์ในเดือนธ.ค. 2566 ที่ระดับ 1.4%, 1.8% และ 1.9% ตามลำดับ พร้อมกับคาดการณ์อัตราว่างงานไว้ที่ระดับ 4.0%, 4.1% และ 4.0% ในปี 2567, 2568 และ 2569 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4.1%, 4.1% และ 4.1% ตามลำดับ
ตลาดได้รับแรงหนุนมากขึ้น หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า แม้ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะออกมาสูงเกินคาดเมื่อไม่นานมานี้ แต่ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของเฟดที่ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (consumer discretionary), กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มการเงิน
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงพุ่งขึ้นถ้วนหน้า ขานรับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยหุ้นอัลฟาเบท บวก 1.2% หุ้นอะเมซอน พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นอินวิเดีย บวก 1.1% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 1.87% หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 1.47%
หุ้นกลุ่มการเงินได้รับปัจจัยหนุนจากมุมมองบวกที่ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 3.1% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค บวก 1.3%
หุ้นพาราเมาท์ โกลบอล (Paramount Global) พุ่งขึ้น 11.8% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัทอะพอลโล โกลบอล แมเนจเมนต์ (Apollo Global Management) เสนอซื้อธุรกิจภาพยนตร์และทีวีสตูดิโอของพาราเมาท์ ในวงเงิน 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่ามาร์เก็ตแคปของพาราเมาท์
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 2.5% หลังบริษัทยืนยันว่าจะปรับขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model Y ที่ผลิตในประเทศจีนอีก 5,000 หยวน (694.55 ดอลลาร์สหรัฐ) ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลง นำโดยหุ้นไบออนเทค (BioNTech) บริษัทเวชภัณฑ์ของเยอรมนีที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ดิ่งลง 4.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ลดลงในปีงบการเงิน 2566 ขณะที่หุ้นโมเดอร์นา ร่วงลง 1.9% และหุ้นโนวาแวกซ์ ร่วงลง 2.2%
ข่าวเด่น