ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (28 มี.ค.67) ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ทำสถิติในไตรมาส 1 ที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 5 ปี โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,807.37 จุด เพิ่มขึ้น 47.29 จุด หรือ +0.12%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,254.35 จุด เพิ่มขึ้น 5.86 จุด หรือ +0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,379.46 จุด ลดลง 20.06 จุด หรือ -0.12% เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และการคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ประกอบกับมีแรงซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผย ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ของ GDP ประจำไตรมาส 4/2566 ซึ่งระบุว่า GDP ขยายตัว 3.4% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ที่ระดับ 3.3% และ 3.2% ตามลำดับ และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.2% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและรัฐบาล รวมทั้งการลงทุนของภาคธุรกิจ
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 212,000 ราย
สำหรับการแสดงความเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่เฟดนั้น นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐนิวยอร์กว่า ข้อมูลเงินเฟ้อที่น่าผิดหวังของสหรัฐ ซึ่งมีการรายงานเมื่อไม่นานมานี้ ถือเป็นสิ่งยืนยันว่าเฟดยังไม่จำเป็นต้องรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่นายวอลเลอร์ก็ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 64% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย.
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร กลุ่มพลังงาน และกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลง
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันนี้ (29 มี.ค.) เนื่องในวัน Good Friday
ข่าวเด่น