ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (22 เม.ย.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,239.98 จุด เพิ่มขึ้น 253.58 จุด หรือ +0.67%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,010.60 จุด เพิ่มขึ้น 43.37 จุด หรือ +0.87%,ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,451.31 จุด เพิ่มขึ้น 169.30 จุด หรือ +1.11% รับแรงหนุนนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นหลังตลาดดิ่งลงหนักในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่และบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงในกลุ่ม “Magnificent Seven” ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเทสลา, เมตา แพลตฟอร์มส์, อัลฟาเบท และไมโครซอฟท์ รวมทั้งจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2567 ของสหรัฐในวันพฤหัสบดี (25 เม.ย.) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์นี้ (26 เม.ย.) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ
โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนก.พ. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนก.พ.
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเฟดอาจจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้
ด้าน แอลเอสอีจี (LSEG) ระบุว่า นักลงทุนในตลาดการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้นเพียง 0.41% ในปีนี้ ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยโดยรวม 1.50% ในปีนี้
ข่าวเด่น