ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (16 พ.ค.67) ดัชนีอยู่ที่ 1,375.41 จุด บวก 4.97 จุด มูลค่าการซื้อขาย 2,068.17 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมิน SET วันนี้ ได้ปัจจัยหนุน หลังเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือนเม.ย. ออกมาชะลอตัว สร้างความหวังต่อตลาดเรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนีมีแนวโน้มกลับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1380-1385 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อ เพื่อรอทดสอบ 1400 จุด เป็นลำดับถัดไป ด้านแนวรับอยู่ที่ 1365 และ 1360 จุด ตามลำดับ
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยยังให้น้ำหนักกับการติดตามโค้งสุดท้ายของการประกาศผลประกอบการ 1Q67 ของกลุ่ม Real Sector ที่จะทยอยออกมาในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะยังเห็นภาพการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานที่ช้า ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐและยูโรโซนที่จะประกาศออกมาคาดยังไม่เห็นสัญญาณการปรับลง ซึ่งอาจกดดันตลาดการเงินในช่วงสั้นได้ แต่อย่างไรก็ดี ภาพการผลิตของจีนคาดจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้
ตลาดหุ้นไทย จะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยให้น้ำหนักกับการติดตามโค้งสุดท้ายของการประกาศผลประกอบการ 1Q67 ของกลุ่ม Real Sector ในสัปดาห์นี้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้
1) หุ้นธีม Earning Play สำหรับเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q67 ซึ่งคาดจะเติบโตดี YoY อีกทั้งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นไม่มาก เลือก AOT BDMS BEM ERW MINT BCH OSP
2) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรในหุ้นคาดมีโมเมนตัมกำไร 2Q67 เติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ เลือก BEM KCE HMPRO THRE TIDLOR
3) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง และรายงานสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งยังเป็นทิศทางตามฤดูกาล ในกรณีฐานที่เป็นสงครามเงา ราคาน้ำมันดิบ Bent จะอยู่ในระดับที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดังนั้นการมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลาง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
หุ้น TOP PICKS วันนี้
- GPSC ได้ Sentiment บวกระยะสั้นจากราคาก๊าซในยุโรปและ Bond Yield สหรัฐที่ปรับลง ขณะที่เชื่อว่าปีที่เลวร้ายผ่านพ้นไปแล้ว โดยกำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากต้นทุนก๊าซที่ลดลง คาดกำไรปกติ 2Q67 ปรับตัวดีขึ้น QoQ จากค่า Ft ที่ทรงตัว และต้นทุนก๊าซจะลดลงจากปริมาณก๊าซที่สูงขึ้นในอ่าวไทย
- TIDLOR ปี 2567 คาดกำไรจะเติบโตในอัตราเร่งตัวขึ้น 19%YoY หนุนจาก credit cost ที่ลดลง การเติบโตของสินเชื่อที่ดี และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตดี แม้ว่าจะมีแรงฉุดรั้งจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และปี 2568 คาดกำไรจะเติบโตต่อเนื่อง 25%YoY แรงหนุนหลักๆ เกิดจาก credit cost ที่ลดลง
ประเด็นสำคัญวันนี้ที่ต้องติดตาม
- สหรัฐรายงานดัชนี CPI ทั่วไป เม.ย. ปรับขึ้น 0.3%MoM ต่ำกว่าตลาดคาด และยอดค้าปลีก เม.ย. ทรงตัว MoM สวนทางตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น ทำให้ นลท. มีความหวังว่า Fed จะเริ่มปรับลด ดบ. ในเดือน ก.ย.
- IEA ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2567 ลง 1.4 แสนบาร์เรล/วัน สู่ 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน จากอุปสงค์ที่อ่อนแอของประเทศ OECD ขณะที่ EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ปรับตัวลง 2.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าตลาดคาด
- ม. หอการค้าไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เม.ย. 67 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ผู้บริโภคกังวล ศก. ไทยฟื้นตัวช้า ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น และกังวล ศก. โลกชะลอตัว สงครามใน ตอ. กลางยืดเยื้อ
- ส.อ.ท. รายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เม.ย. ลดลงจาก มี.ค. โดย ปชช. ระมัดระวังการใช้จ่าย ผู้ประกอบการ SMEs กังวลการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท และกังวลต้นทุนพลังงานปรับขึ้น
- ก. คลัง ระบุ ศก. ไทย 2H67 จะมีแรงขับเคลื่อนจากเงินงบประมาณ 3 แหล่ง ได้แก่ เงินงบประมาณปี 67 วงเงิน 3.48 ล้านลบ. งบประมาณปี 68 วงเงิน 3.75 ล้านลบ. และเงินดิจิทัลวอลเล็ตอีก 5 แสนล้านบาท ช่วยขับเคลื่อน ศก. ให้ไทยกลับมาเติบโตได้
- นายกฯ ระบุไทยกำลังผลักดันการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ EV โดยไทยออกแบบสิทธิประโยชน์ที่จะช่วยให้มีการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปมาสู่รถยนต์ EV และมีนโยบาย EV -3.5 ช่วยให้เกิดการลงทุนต่อเนื่อง
ข่าวเด่น