(225)(21).jpg)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดแดนลบในวันพุธ (22 พ.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดร่วง 201.95 จุด หลังนักลงทุนซึมซับรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ขณะจับตารายงานผลประกอบการรายไตรมาสของ Nvidia โดยหุ้นของ Nvidia พุ่งขึ้นราว 6% หลังปิดตลาด จากคาดการณ์ที่ว่ารายได้ของผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่จะแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งช่วยหนุนหุ้นของผู้ผลิตชิปรายอื่นให้เพิ่มขึ้นด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดลดลง 201.95 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 39,671.04 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 14.40 จุดหรือ 0.27% ปิดที่ 5,307.01 จุด และดัชนีแนสแดคปิดลดลง 31.08 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 16,801.54 จุด
การซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นไปอย่างผันผวนก่อนปิดในแดนลบ หลังการเผยแพร่รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ที่แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่เฟดยังคงมีความเชื่อมั่นว่าแรงกดดันด้านราคาจะผ่อนคลายลง แต่จะดำเนินไปอย่างช้า ๆ หลังข้อมูลเงินเฟ้อออกมาน่าผิดหวัง โดยการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 30 เม.ย. - 1 พ.ค. ที่ผ่านมาเกิดขึ้นหลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ นั้นอยู่ในระดับสูงติดต่อกันใน 3 เดือนแรก ก่อนที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อเร็ว ๆ นี้ จะเผยให้เห็นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของตลาดหุ้นในเดือนนี้ ส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ความต้องการที่แข็งแกร่งของปัญญาประดิษฐ์ (AI), การรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และความหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของ Nvidia ว่าจะเป็นไปตามคาดการณ์การเติบโตที่อยู่ในระดับสูงได้หรือไม่ และการปรับตัวขึ้นของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคปัญญาประดิษฐ์จะยังเกิดขึ้นต่อไปหรือไม่ โดยหุ้นของ Nvidia ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 90% ในปีนี้ หลังจากที่พุ่งขึ้นเกือบ 240% ในปีที่แล้ว
Megan Horneman ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Verdance Capital Advisors กล่าวว่า “นักลงทุนกำลังรอรายงานผลประกอบการของ Nvidia เพื่อสร้างความมั่นใจ แม้จะมีการประเมินว่า ผลประกอบการของ Nvidia จะแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้”
ด้านหุ้นรายตัว พบว่า หุ้น Chipmaker Analog Devices พุ่งขึ้น 10.86% หลังเผยคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าคาดการณ์ ด้านหุ้น TJ Maxx ปิดเพิ่มขึ้น 3.5% หลังเพิ่มคาดการณ์กำไรตลอดทั้งปี
ด้านหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสาธารณูปโภคที่คำนวนในดัชนี S&P 500 ปิดลดลงมากที่สุด โดยลดลง 1.83% หลังราคาน้ำมันร่วงลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน
ทั้งนี้ เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่ามีโอกาส 59% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. ลดลงจากระดับ 65.7% จากครั้งก่อน
ข่าวเด่น