ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (28 พ.ค.67) ร่วง 216.73 จุด เหตุบอนด์ยีลด์พุ่ง


ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (28 พ.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,852.86 จุด ลดลง 216.73 จุด หรือ -0.55% เนื่องจากถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากผลการประมูลพันธบัตรบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอ ขณะที่ ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,306.04 จุด เพิ่มขึ้น 1.32 จุด หรือ +0.02% และดัชนี Nasdaq ปิดเหนือระดับ 17,000 จุดเป็นครั้งแรก ที่ 17,019.88 จุด เพิ่มขึ้น 99.09 จุด หรือ +0.59% โดยได้ปัจจัยหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ที่พุ่งขึ้น 7% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่นๆ ดีดตัวขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายนีล แคชแครี ประธานเฟด สาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า เขาต้องการเห็นข้อมูลเพิ่มเติมอีกหลายเดือนเพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวลงก่อนที่เขาจะสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย และไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นอีก

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.38% ซึ่งปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในดัชนี S&P500 รองลงมาคือดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.08% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเฮลธ์แคร์ ปรับตัวลง 1.26% และ 1.25% ตามลำดับ

หุ้นแอปเปิ้ลพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน หลังมีรายงานว่ายอดขาย iPhone ในจีนทะยานขึ้น 52% ในเดือนเม.ย. แต่ราคาหุ้นแอปเปิ้ลลดช่วงบวกในเวลาต่อมาและปิดตลาดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยสู่ระดับ 189.99 ดอลลาร์

หุ้นที-โมบาย (T-Mobile) และหุ้นยูเอส เซลลูลาร์ (US Cellular) ปรับตัวขึ้น 0.79% และ 12.19% ตามลำดับ หลังจากมีรายงานว่า T-Mobile ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ประกาศซื้อกิจการส่วนใหญ่ของบริษัท US Cellular ในวงเงิน 4.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว T-Mobile จะครอบครองคลื่นความถี่ไร้สายราว 30% ของ US Cellular โดย T-Mobile คาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสัญญาณ 5G ให้ครอบคลุมพื้นที่ชนบท และช่วยให้ลูกค้าของ US Cellular มีสัญญาณเชื่อมต่อทั่วสหรัฐที่ดีขึ้นด้วย

ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ เปิดเผย ผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 102 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 97.5 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 95.9

ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่าดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 6.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้แรงหนุนจากสต็อกบ้านที่อยู่ในระดับต่ำ

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ (31 พ.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 29 พ.ค. 2567 เวลา : 11:42:42

27-07-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 27, 2024, 8:05 am