(225)(26).jpg)
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (3 มิ.ย.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,571.03 จุด ลดลง 115.29 จุด หรือ -0.30%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,283.40 จุด เพิ่มขึ้น 5.89 จุด หรือ +0.11% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,828.67 จุด เพิ่มขึ้น 93.65 จุด หรือ +0.56% โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) ประสบปัญหาขัดข้องทางเทคนิคเมื่อคืนนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้น A-class ของบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) และหุ้นของบริษัทบาร์ริค โกลด์ (Barrick Gold) ร่วงลงอย่างหนักในระหว่างวัน นอกจากนี้ ตลาด NYSE ต้องระงับการซื้อขายหุ้นอย่างน้อย 60 ตัวในช่วงเวลาสั้นๆ เนื่องจากราคาหุ้นมีความผันผวน ก่อนที่ทางตลาดจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้และเริ่มกลับมาดำเนินการซื้อขายตามปกติในเวลาต่อมา
ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมินรายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่ชะลอตัวลงในเดือนพ.ค. ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผย ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.7 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 49.2 ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 49.6 โดยดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีภาคบริการเดือนพ.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค. เพื่อประเมินช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้
โดยเครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 59% ที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 53% ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิต
ข่าวเด่น