ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (24 มิ.ย.67) ดัชนีอยู่ที่ 1,303.84 จุด ลบ 2.57 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3,483.57 ล้านบาท (เวลา 10.03 น.)
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมิน SET วันนี้ รีบาวนด์ทางเทคนิคในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ตลาดที่ขาดปัจจัยหนุน และทิศทาง fund flow ยังไหลออก ทำให้กรอบบนยังถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1,310 และ 1,315 จุด ตามลำดับด้านแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,300 และ 1,290 จุด หากต่ำกว่ากลับมาเป็นสัญญาณลบต่อ
ช่วงสั้นมอง SET ยังอยู่ในภาวะผันผวนและเปราะบางเช่นเดิมเนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อทำให้ SET ยังมีโอกาส Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ดีมีความคาดหวังว่าปัจจัยเชิงเศรษฐกิจ อาทิเช่น ดัชนีอุตสาหกรรมและรายงานประชุม กนง. อาจจะส่งสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการผลิตได้ ส่วนปัจจัยต่างประเทศในสัปดาห์นี้คาดยังไร้ปัจจัยใหม่ โดยเน้นติดตามดัชนี PCE พ.ค. ของสหรัฐคาดทรงตัว MoM และปรับ ขึ้น 2.6% YOY (ชะลอตัวจาก 2.7%YOY ในเดือน เม.ย.) ซึ่งไม่น่ากดดันตลาดมากนัก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
กลยุทธ์การลงทุน
มองตลาดหุ้นไทยยังผันผวนและเปราะบาง จากกังวลความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศส่วนปัจจัยต่างประเทศในสัปดาห์นี้คาดยังไร้ปัจจัยใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก KCE SCGP TU MINT
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์ Cover Short หลังตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1ก.ค. 67 เลือก HANA TOP BEM KCE MINT OSP BBL SCGP AOT
3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2024) ในช่วงวันที่ 14 มิ.ย.-14 ก.ค. 67 เลือก ADVANC TRUE CPALL
MINT TU
4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
หุ้นแนะนำวันนี้
BDMS หุ้น Defensive ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตมั่นคงจากการกลับมาของผู้ป่วยหลังสงกรานต์ คาดผลประกอบการ 2Q67 โต YOY แต่ลดลง Q๐Q ตามปัจจัยฤดูกาล คาดกำไรปกติปี 2567 โต 13%YOY จาก EBITDA margin ที่ขยายตัว และความต้องการใช้บริการทางการแพทย์ในต่างจังหวัดที่เพิ่มขึ้น
TOP ระยะสั้นคาดได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน ขณะที่ค่าการกลั่นฟื้นจากจุดต่ำสุดแล้ว หนุนโดยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินและน้ำมันเครื่องบินตามฤดูกาล คาดผลการดำเนินงานของธุรกิจอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้นจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากอุปทานที่ตึงตัวในเอเชีย
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม
1. ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐโดย S&P Global เดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือน หนุนจากสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานเพิ่มขึ้น ส่วนภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
2. Apple ระบุเลื่อนการเปิดตัว A ใหม่ 3 รายการ เนื่องจากกฎเกณฑ์ด้านเทคโนโลยีของ EU กำหนดว่า ผลิตภัณฑ์และบริการของคู่แข่งจะต้องสามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ของ Apple ได้
3. พาณิชย์รายงานยอดส่งออก พ.ค.67 มูลค่า 2.6 หมื่นล้านเหรียญสูงสุดในรอบ 14 เดือน ส่วน 5M67 มูลค่า 1.2 แสนล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น2.6% แนวโน้ม มิ.ย. ขยายตัวต่อ คาด 2H67 การส่งออกยังจะเติบโตดี
4. กระทรวงพลังงานระบุแผน PDP ใหม่มีเม็ดเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้ารวมกว่า 1 ล้านล้านบาท เน้นเทคโนโลยีช่วยค่าไฟให้เหมาะสม สร้างสมดุลทั้งความมั่นคง ราคา สิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยคาร์บอน
5. ราชกิจจาฯ ออกประกาศ กระทรวงคลังเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.67 เรื่องการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท โดยจะมีการจัดเก็บVAT 7% กับสินค้าที่มีราคาตั้งแต่ 1 บาท เริ่มตั้งแต่ 5 ก.ค.67
6. การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญมติเห็นชอบรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วงเงิน 3.75ล้านล้านบาท ตามที่ ครม. เป็นผู้เสนอวาระแรกเรียบร้อยแล้ว
7. นายกฯ สั่งการเลขาธิการ EEC ให้เร่ง Megaproject รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ให้แล้วเสร็จพร้อมโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา
8. ติดตาม รมว. แถลงมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุนช่วงเย็นวันนี้ ทั้งการปรับเงื่อนไขกองทุน Thai-ESG เพิ่มเป็นไม่เกิน 3 แสนบาท จาก 1 แสนบาทลดระยะเวลาถือครองเหลือ 7 ปี จาก 8 ปี มีผลระหว่างปี 2567-2569
ข่าวเด่น