ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำในวันศุกร์ปรับตัวลดลงกว่า 35 เหรียญ หรือประมาณ 1.5% เรียกได้ว่า ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ Sideways กว้างๆ ระหว่าง 2,300-2,360 เหรียญ เนื่องจากดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯในวันศุกร์ Flash Manufacturing PMI, Flash Services PMI และ Existing Home Sales ที่ออกมาเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ โดยในวันศุกร์ดัชนีดอลลาร์เปิดตลาดที่ระดับ 105.64 จุด และปิดที่ระดับ 105.83 จุด ขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 105.82 จุด โดยมีเส้นค่าเฉลี่ยมาตรฐานระยะ 50 วัน อยู่ที่ระดับ 105.2 จุด และระยะ 100 วัน อยู่ที่ระดับ 104.67 จุด เรียกได้ว่าดัชนีดอลลาร์กลับมายืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยในทุกระยะ ทำให้ภาพรวมดัชนีดอลลาร์ยังอยู่ในทิศทางที่แข็งค่า ขณะที่ตัวเลขด้านการส่งออกของไทยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เพิ่มขึ้น 7.2% ในเดือนพ.ค.67 ส่วนการนำเข้า ลดลง 1.7% ส่งผลให้เดือนพ.ค. ไทยเกินดุลการค้า 656.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ในทางเทคนิคราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ Sideways โดยเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 2,300-2,360 เหรียญ โดยยังคงคาดว่าสัปดาห์นี้ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในแนวรับสำคัญที่ระดับ 2,300 เหรียญ สำหรับวันนี้ราคาทองคำจะมีแนวรับระยะสั้นที่ระดับ 2,310 เหรียญ และแนวต้านระยะสั้นที่ระดับ 2,340 เหรียญ
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,315 เหรียญ และแนวต้าน 2,345 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,325 เหรียญ และแนวต้าน 2,355 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 40,100 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 40,700 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series M24 จะมีแนวรับที่ระดับ 40,500 บาท และแนวต้านที่ระดับ 40,850 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
ยังเน้นเทรดระยะสั้น เก็งกำไรในกรอบลงซื้อขึ้นขาย รอดูความชัดเจนของทิศทาง ระวังความผันผวนของราคา
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
เก็งกำไรในกรอบ เข้าซื้อตามแนวรับและปิดทำกำไรตามแนวต้าน ติดตามราคาทองคำระหว่างวัน และควรมีจุด Stop Loss
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน และควรมีจุด Stop Loss
ข่าวเด่น