ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (26 มิ.ย.67) อ่อนค่าลง ที่ระดับ 36.75 บาทต่อดอลลาร์


 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (26 มิ.ย.67) ที่ระดับ  36.75 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”
จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.66 บาทต่อดอลลาร์ 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 36.63-36.75 บาทต่อดอลลาร์) ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่ยังคงได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อย่างไรก็ดี แม้ว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์อาจชะลอลงบ้าง หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในคืนที่ผ่านมาออกมาผสมผสานและสะท้อนภาพการชะลอลงของเศรษฐกิจ (ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีกว่าคาดเล็กน้อย ทว่าดัชนีสะท้อนภาวะเศรษฐกิจจากบรรดาเฟดสาขาต่างๆ ก็ออกมาแย่กว่าคาดและสะท้อนการชะลอตัวของเศรษฐกิจ) ทว่าเงินบาทก็ยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากโฟลว์ธุรกรรมทองคำ หลังราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่โซนแนวรับระยะสั้น หนุนให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว

แม้ว่าบรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของบรรดาหุ้นกลุ่มค้าปลีกและหุ้นกลุ่มธนาคาร ทว่าการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นเทคฯ ใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นธีม AI/Semiconductor อย่าง Nvidia +6.8% ก็มีส่วนช่วยพยุงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้พอสมควร ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq รีบาวด์ขึ้นกว่า +1.36% แต่ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.39%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.23% กดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มการบิน ตามการปรับตัวลดลงของหุ้น Airbus -9.4% จากความกังวลแนวโน้มผลประกอบการ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากการปรับตัวขึ้นแรงของหุ้น Novo Nordisk +4% หลังยาลดน้ำหนักยอดนิยม Wegovy ได้รับการอนุมัติในจีน  

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัว sideways แถว 4.25% แม้ว่าเจ้าหน้าที่เฟดบางท่าน อย่าง Michelle Bowman จะย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจในแนวโน้มเงินเฟ้อ และพร้อมสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยได้ หากเงินเฟ้อชะลอลงช้ากว่าคาดหรือเร่งตัวขึ้น ทว่า ผู้เล่นในตลาดยังคงมองว่า เฟดอาจสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ ทำให้ เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจแกว่งตัวในกรอบ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยบอนด์ยีลด์มีโอกาสผันผวนสูงขึ้นได้ไม่ยาก หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาด ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำเดิมว่า ในทุกๆ จังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวที่น่าสนใจ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดในระยะข้างหน้ามีเพียงแค่ “คง” หรือ “ลง” 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องเข้าใกล้ระดับ 160 เยนต่อดอลลาร์อีกครั้ง ส่วนเงินยูโร (EUR) ก็อ่อนค่าลงบ้าง ตามการย่อตัวของตลาดหุ้นยุโรป ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ก็เป็นไปอย่างจำกัด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ออกมาผสมผสาน อีกทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 105.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.4-105.7 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง กลับสู่โซนแนวรับแถว 2,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอจังหวะดังกล่าวในการทยอยเข้าซื้อทองคำ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงบ้างในช่วงคืนที่ผ่านมา
 
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานยอดสต็อกน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯ เพื่อประเมินความต้องการใช้พลังงานในระยะนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นได้ นอกจากนี้ โฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับน้ำมัน ก็สามารถส่งผลกระทบต่อเงินบาทได้บ้าง (โฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมัน ก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง)

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อช่วยประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของ ECB ในระยะข้างหน้า โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า ECB อาจลดดอกเบี้ยได้อีกราว 2 ครั้ง ในปีนี้

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง ทว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจจำกัดอยู่ในช่วงโซนแนวต้าน 36.85 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไป 37 บาทต่อดอลลาร์) อย่างไรก็ดี ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ รวมถึงฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทย ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยที่สามารถกดดันเงินบาทให้ผันผวนอ่อนค่าลงได้เช่นกัน โดยเฉพาะ หากราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่โซนแนวรับหลักแถว 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ เราประเมินว่า แรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มชะลอลงบ้าง หลังตลาดหุ้นไทยก็เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่แรงกดดันในฝั่งตลาดบอนด์ก็ไม่ได้มีมากนัก ตราบใดที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัว sideways และปัจจัยการเมืองไทยก็ยังไม่ได้เข้ามากดดันตลาดการเงินเพิ่มเติม 

แม้เราจะประเมินว่า เงินบาทอาจไม่ได้ผันผวนอ่อนค่าไปมากนัก แต่การแข็งค่าต่อเนื่องก็ยังเกิดขึ้นได้ยากเช่นกัน จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม อีกทั้งในช่วงปลายเดือนเรายังคงเห็นโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์และบรรดาสกุลเงินต่างประเทศอื่นๆ จากฝั่งผู้นำเข้าอยู่ ซึ่งทำให้เงินบาทยังคงไม่สามารถแข็งค่าทะลุโซนแนวรับ 36.50-36.60 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้

เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.85 บาท/ดอลลาร์

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 มิ.ย. 2567 เวลา : 10:55:01

24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 5:20 pm