ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (25 มิ.ย.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,112.16 จุด ลดลง 299.05 จุด หรือ -0.76%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,469.30 จุด เพิ่มขึ้น 21.43 จุด หรือ +0.39% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,717.65 จุด เพิ่มขึ้น 220.84 จุด หรือ +1.26% โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทค้าปลีก แต่ดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้นกว่า 1% ขานรับการฟื้นตัวของหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) และหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่และบริษัทผลิตชิป
โดยหุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 6.8% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ เพิ่มขึ้น 2.3% ส่วนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) ดีดตัวขึ้น 1.8%
อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทค้าปลีกร่วงลงและเป็นปัจจัยฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ โดยหุ้นโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ดิ่งลง 3.6% ขณะที่หุ้นวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ ร่วงลง 2.2% หลังจากซีอีโอของบริษัทกล่าวในการประชุม “NYSE 2024 European Investor Conference” ว่า ไตรมาส 2 ปีนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่วอลมาร์ทเผชิญกับความท้าทายมากที่สุด
หุ้นกลุ่มขนส่งที่คำนวณในดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวลง 0.8% หลังจากที่ดิ่งลงราว 1.6% ในระหว่างวัน โดยหุ้นนอร์ฟอล์ค เซาเทิร์น (Norfolk Southern) ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งสินค้าทางรถไฟ ร่วงลง 2.4% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นของบริษัท รวมทั้งการที่คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐได้ทำการตรวจสอบอุบัติเหตุรถไฟตกรางที่เกิดขึ้นในปีที่แล้วและแนะนำให้ทางบริษัทเปลี่ยนแปลงระบบความปลอดภัย
หุ้นสปิริต แอโรซิสเต็มส์ (Spirit AeroSystems) ซึ่งเป็นผู้ผลิตลำตัวเครื่องบิน ดิ่งลง 3.96% และหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 2.2% หลังจากสื่อรายงานว่าโบอิ้งได้เสนอซื้อกิจการบริษัทสปิริต แอโรซิสเต็มส์ มูลค่าประมาณ 35 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นเฟดเอ็กซ์ (FedEx) ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุรายใหญ่ของสหรัฐปิดตลาดขยับลงเล็กน้อย แต่ราคาหุ้นดีดตัวขึ้น 1.5% หลังตลาดปิดทำการ หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์กำไรปีงบการเงิน 2568 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 100.4 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 101.3 ในเดือนพ.ค. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 100.0
ขณะที่ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 6.5% ในเดือนมี.ค.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ข่าวเด่น