ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (5 ก.ค.67) ดัชนีอยู่ที่ 1,304.10 จุด บวก 3.06 จุด มูลค่าการซื้อขาย 639.11 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์จำกัด (InnovestX) คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนี SET กลับมายืนบริเวณ 1,300 จุด อีกครั้ง สร้างสัญญาณบวก และแรงเก็งกำไรผลประกอบการในไตรมาส 2/2567 จากกลุ่มแบงก์ คาดเป็นปัจจัยหนุนตลาด ทำให้คาดดัชนียังอยู่ในช่วงรีบาวนด์ โดยมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,310 จุด และ 1,325 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,280-1290 จุด ยังรองรับได้
ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ มิ.ย. จีน อียูและสหรัฐฯ ซึ่งคาดจะออกมาทรงตัวถึงขยายตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
กลยุทธ์การลงทุน
ตลาดหุ้นไทย ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศและปัจจัยหนุนใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1.หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT
2.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL BEM
3.หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก KCE SCGP TU MINT (ทั้งนี้ KCE SCGP แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอ)
4.สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
หุ้น TOP PICKS วันนี้
- CPALL 2Q67 คาดกำไรปกติและยอดขายสาขาเดิมโต YoY ดีกว่าผู้ประกอบ การรายอื่นในกลุ่มพาณิชย์ มองราคาหุ้น Undervalue ปัจจุบันซื้อขาย PER 67F ระดับ 21.6 เท่า คิดเป็น -2S.D. จากค่าเฉลี่ย PER 10 ปี สวนทางกำไรที่เติบโต คาดกำไรปกติปี 2567 โต 28%YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นดีขึ้น ดบ. จ่ายลดลง
- GULF 2Q67 คาดกำไรปกติสูงสุดเป็นประวัติการณ์และโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ หนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น มีมุมมองบวกต่อการประมูลโรงไฟฟ้าที่กำลังจะมีขึ้นอีก 2 ครั้ง valuation ยังน่าสนใจ ปัจจุบันเทรดที่ PER 23 เท่า หรือ -1.5 SD ของ PER mean แนะนำราคาเข้าซื้อไม่เกิน 40.25 บ.
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
1. ผลการสำรวจของ Reuters ระบุ กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตจำนวน 1 ใน 3 เชื่อว่า ไบเดน ควรถอนตัวจากการแข่งขันเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
2.นายกฯ อิสราเอลระบุได้อนุมัติให้ส่งคณะตัวแทนเจรจาเข้าร่วมการหารือทำข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกันจากกลุ่มฮามาส
3.แนวโน้มอัตราการเติบโตจีดีพีรายไตรมาส ซึ่งตัวเลขไตรมาสที่ 1/2567 อยู่ที่ 1.5% ออกมาดีกว่าคาด ส่วนไตรมาสที่ 2/2567 คาดใกล้เคียง 2% และไตรมาส 3/2567 เห็นใกล้เคียง 3% และไตรมาส 4/2567 เติบโตใกล้เคียง 4% และในปี 2568 ขยายตัวได้ราว 3% สอดคล้องกับแบบจำลองคาดการณ์ของ แบงก์ชาติ ระดับศักยภาพในปี 2566-2571 จะอยู่ที่ราว 3% ซึ่งเป็นระดับศักยภาพในปัจจุบันและยากที่จะกลับไปเติบโตได้สูงถึง 4-5% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างไม่ใช่จากกระตุ้นเศรษฐกิจ
4.กรมธุรกิจพลังงานระบุการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 5 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 157.13 ล้านลิตร/วัน ลดลง 0.4% YOY โดยเป็นการลดลงของน้ำมันเตา 21.6% ก๊าซเอ็นจีวี 16.6% และน้ำมันกลุ่มเบนซินลดลง 1.0%
ข่าวเด่น