ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (9 ก.ค.67) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 36.40 บาทต่อดอลลาร์


นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (9 ก.ค.67) ที่ระดับ  36.40 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.46 บาทต่อดอลลาร์ 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.37-36.46 บาทต่อดอลลาร์) ตามจังหวะการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งมุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดก็ได้แรงหนุนเพิ่มเติม จากรายงานคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะ 1 ปี และ ระยะ 5 ปี ของผู้บริโภคที่รวบรวมโดยเฟดนิวยอร์ก ซึ่งปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 3.0% และ 2.8% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี เงินบาทก็มีจังหวะผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง หลังความกังวลสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศสยังคงมีอยู่ จากผลการเลือกตั้งสภาที่สะท้อนว่า ไม่มีพรรคใดจะสามารถคว้าที่นั่งในสภาได้เกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจนำมาสู่ภาวะสุญญากาศทางการเมืองฝรั่งเศสได้ โดยความกังวลดังกล่าวได้กดดันตลาดหุ้นฝรั่งเศส อีกทั้งยังกดดันให้เงินยูโร (EUR) ผันผวนอ่อนค่าลง ขณะเดียวกัน การย่อตัวลงของราคาทองคำในช่วงคืนที่ผ่านมา ก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างยังคงรอจังหวะ Buy on Dip ทองคำอยู่

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ อาทิ Nvidia +1.9% ทว่าโดยรวมหุ้นกลุ่มอื่นๆ กลับไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปมากนัก หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ก่อนที่จะเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.28% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.10%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อราว -0.03% โดยแรงขายส่วนใหญ่กระจุกอยู่ที่ตลาดหุ้นฝรั่งเศส (ดัชนี CAC40 -0.63%) นำโดย LVMH -2.9%, BNP -1.8% หลังสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศสยังคงมีความน่ากังวลอยู่ จากผลการเลือกตั้งสภารอบที่สอง ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสเกิด Hung Parliament ที่ไม่มีพรรคการเมืองใดจะครองเสียงข้างมาก เกินกึ่งหนึ่งในสภาได้ 

ในส่วนตลาดบอนด์ บรรดาผู้เล่นในตลาดยังคงมั่นใจว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ (จาก CME FedWatch Tool ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาส 99% ในกรณีดังกล่าว) หลังข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ล่าสุด สะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ชะลอลงมากขึ้น ส่วนคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคที่สำรวจโดยเฟดนิวยอร์ก ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ล่าสุดก็ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ตอกย้ำมุมมองการลดดอกเบี้ยเฟดดังกล่าวของผู้เล่นในตลาด ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.28% ทั้งนี้ เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสผันผวนสูงขึ้นได้บ้าง หากบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟดออกมาย้ำจุดยืน ไม่รีบลดดอกเบี้ย หรือบางส่วนก็สนับสนุนให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมถึงต้องระวังในกรณีที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ บอนด์ยีลด์ระยะยาวก็มีโอกาสผันผวนสูงขึ้น ตามความกังวลนโยบายเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ หากสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ ซึ่งความกังวลดังกล่าวจะสะท้อนผ่านการปรับตัวขึ้นชัดเจนของ Term Premium ของบอนด์ระยะยาว อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองเดิม เน้นกลยุทธ์ “Buy on Dip” บอนด์ระยะยาว ในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ sideways โดยมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่มั่นใจว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ ทว่าเงินดอลลาร์ก็ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินยูโร (EUR) ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 105 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.8-105.1 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง กอปรกับราคาทองคำก็ขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ เพิ่มเติม ทำให้โดยรวมราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 2,370 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่โดยรวมราคาทองคำก็ยังพอได้แรงหนุนอยู่และสามารถทรงตัวเหนือแนวรับระยะสั้นได้

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะการแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ในประเด็นภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯและการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด โดยผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไปของเฟด ว่าจะมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ ตามที่ตลาดคาดหวังได้ 

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways แถวโซน 36.40 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันเช่นกัน จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะ ถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนนี้ (ทยอยรับรู้ในช่วงราว 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) และรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ (รับรู้ในช่วงคืนวันพฤหัสฯ) โดยเงินบาทอาจมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง หลังเงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินยูโร (EUR) จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็ยังเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าลงต่อได้ไม่ยาก หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีจังหวะปรับตัวสูงขึ้น กดดันให้ส่วนต่างระหว่างบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ กับบอนด์ยีลด์ญี่ปุ่น กว้างมากขึ้น อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าไปมาก โดยยังมีโซนแนวต้านแถว 36.50-36.65 บาทต่อดอลลาร์ และเงินบาทก็อาจพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ตราบใดที่ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยลดทอนแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติได้บ้าง ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาความผันผวนของราคาทองคำ ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อทิศทางเงินบาทอยู่ และแม้ว่าเงินบาทอาจมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง เราประเมินว่า เงินบาทก็อาจติดอยู่แถวแนวรับ 36.30-36.40 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุนการแข็งค่าเพิ่มเติม 

เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.35-36.55 บาท/ดอลลาร์

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ก.ค. 2567 เวลา : 11:22:24

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:41 am