ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (10 ก.ค.67) เวลา 10.00 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,320.63 จุด บวก 0.71 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,632.80 ล้านบาท
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมิน SET วันนี้ ยังมี upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1325 และ 1330 จุด ตามลำดับ เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ รวมถึงนักลงทุนในตลาดรอติดตามคดีคุณสมบัตินายกฯ ในวันนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ทำให้ยังต้องระวังแรงขายลดความเสี่ยงให้ดัชนีกลับมาอ่อนตัวได้ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1315 และ 1310 จุด ตามลำดับ
ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อ โดย ศาล รธน. นัดพิจารณาคดียื่นวินิจฉัยคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 10 ก.ค. และคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 17 ก.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศน่าจะได้รับแรงหนุนจากท่าทีของประธานเฟดที่อาจจะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น ทั้งนี้ดัชนี CPI มิ.ย. ของสหรัฐฯ คาดจะชะลอตัวลงเหลือ 3.1%YoY จาก 3.3%YoY ใน พ.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางตัวเลขตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
กลยุทธ์การลงทุน
ตลาดหุ้นไทย ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศและปัจจัยหนุนใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1.หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท.เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค.67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT
2.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL BEM GULF
3.หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก SCGP TU MINT (ทั้งนี้ SCGP แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอ)
4.สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
หุ้น TOP PICKS วันนี้
- AOT มองกำไรจะเพิ่มขึ้นตามการท่องเที่ยวไทยที่เติบโตมากขึ้น คาดกำไรปกติปี FY2567 เพิ่มขึ้นสู่ 2.3 หมื่นลบ. (+150%YoY) และ 2.8 หมื่นลบ. ในปี FY2568 (+23%YoY) ส่วนกำไรปกติ 3QFY67 (เม.ย.-มิ.ย. 67) คาดโต YoY แต่ลดลง QoQ ตามฤดูกาล แนะนำเข้าซื้อวันนี้ราคาไม่เกิน 57.25 บ.
- GPSC มองมีปัจจัยบวกระยะสั้นจากค่าก๊าซปรับลงและข่าว กกพ. เตรียมปรับขึ้นค่า Ft งวดใหม่ ก.ย.-ธ.ค.67 ขณะที่กำไรปกติ 2Q67 คาดปรับตัวดีขึ้น YoY และ QoQ จากการได้ประโยชน์ต้นทุนก๊าซที่ลดลงและส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก Avaada และ CFXD แนะนำเข้าซื้อวันนี้ราคาไม่เกิน 39.75 บ.
ประเด็นสำคัญวันนี้ที่ต้องติดตาม
1. ปธ. Fed แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินที่ช้าหรือน้อยเกินไปอาจสร้างความอ่อนแอต่อ ศก. และการจ้างงาน ทั้งยังระบุหากมีข้อมูลเงินเฟ้อที่ดีออกมาอีก จะช่วยให้ Fed เชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังปรับลงสู่ 2% อย่างยั่งยืน
2. Volkswagen Group ปรับลดคาดการณ์กําไรลงที่ 6.5%-7% จาก 7%-7.5% หลังมีความเสี่ยงปิดโรงงาน Audi Brussels จากอุปสงค์ EV ไฮเอนด์ที่อยู่ในระดับต่ํา
3. ธปท. ระบุหนี้ครัวเรือน 5M67 หนี้เสียสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.14 ล้านลบ. สูงกว่าช่วงวิกฤติโควิดที่ 1.1 ล้านลบ. หนี้รถยนต์-บ้าน-บัตรเครดิต-สหกรณ์ ปรับขึ้นต่อ เตรียมประชุม ครม. ศก. แก้หนี้ครัวเรือน 15 ก.ค.
4. วันนี้จับตาศาล รธน. นัดประชุมพิจารณาคดีถอดถอนนายกฯ หลังให้ผู้เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและส่งสำเนาเอกสารหลักฐานยื่นต่อศาลภายใน 15 วัน เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัย
5. วันนี้ กกพ. ประชุมบอร์ดเพื่อพิจารณาค่า Ft งวดใหม่ ก.ย.-ธ.ค.67 คาดปรับเพิ่มขึ้นอีกหน่วยละ 20-40 สตางค์ จากค่าไฟงวดปัจจุบันอยู่ที่หน่วยละ 4.18 บ. หลังต้องทยอยคืนชำระหนี้ให้กับ กฟผ. และหนี้ค่าเชื้อเพลิงให้กับ PTT
6. ตลท. ระบุหารือกับ ก.ล.ต. ในการเปิดเผยข้อมูลกรณีที่ผู้บริหารใน บจ. นำหุ้นไปค้ำประกันเงินกู้หรือนำไปจำนอง ไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ให้ นลท. ได้รับทราบ จากปัจจุบันที่เปิดเผยข้อมูลเป็นรายเดือน
ข่าวเด่น