ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (17 ก.ค.67) ดัชนีอยู่ที่ 1,325.39 จุด บวก 4.71 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.36% มูลค่าการซื้อขาย 1,935.98 ล้านบาท
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมิน SET วันนี้ คาดช่วงแรกได้ปัจจัยบวก ดัชนีดาวน์โจนส์ปรับขึ้นโดดเด่น จากแรงหนุนเฟดจะลดดอกเบี้ย และดีลควบรวม GULF และ INTUCH อย่างไรก็ตาม คาดปัจจัยบวกดังกล่าว สะท้อนในดัชนีระดับหนึ่งแล้ว ทำให้ยังมองดัชนีมีกรอบบนที่จำกัด โดยมีแนวต้านที่ 1330-1335 จุด ด้านแนวรับอยู่ที่ 1315 และ 1310 จุด ตามลำดับ
ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและมี Upside จำกัด เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อและยังต้องรอความชัดเจนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาดจะได้แรงหนุนจากแนวโน้มผลประกอบการ 2Q67 ของ บจ. ในสหรัฐที่น่าจะยังแข็งแกร่ง ภายใต้เศรษฐกิจจีนที่ยังมีแนวโน้มอ่อนแอและเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลง รวมถึงท่าทีของ ECB ที่คาดจะยังคงดอกเบี้ย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
กลยุทธ์การลงทุน
ตลาดหุ้นไทย ยังมี Upside จำกัด หลังรอความชัดเจนของปัจจัยต่างๆ ในประเทศ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1.หุ้นที่คาด 2Q67 กำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT BEM OSP TU KCE CPF
2.หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT
3.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL GULF
4.ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว แม้ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังไม่กระจายออกในวงกว้าง แต่ยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง และโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
หุ้น TOP PICKS วันนี้
- KTB 2Q67 คาดมีกำไร 10,833 ลบ. โต 7%YoY จาก NIM และ non-NII เพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจุบัน Valuation ถูก Div. Yield ดี ความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ต่ำ กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจาก credit cost ที่ลดลง อีกทั้งมองมี Upside จาก NIM (โอกาสที่จะคง ดบ. นโยบาย) และแนวโน้มเพิ่มอัตราจ่ายเงินปันผล
- BDMS 2Q67 คาดกำไรปกติโต YoY แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติโต 13%YoY สู่ 1.6 หมื่นลบ. โดยการดำเนินงานและกำไรจะแข็งแกร่งขึ้นใน 2H67 ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 26 เท่า ต่ำกว่าระดับ -2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดภูมิภาคที่ 28 เท่า
ประเด็นสำคัญวันนี้ที่ต้องติดตาม
1. ยอดค้าปลีก มิ.ย. ของสหรัฐปรับขึ้น 2.3%YoY และ 0.0%MoM สูงกว่าตลาดคาด สร้างความเชื่อมั่นว่าการใช้จ่ายผู้บริโภค (70% ของ ศก. สหรัฐ) ยังคงฟื้นตัว แม้ Fed ใช้นโยบายคุมเข้มการเงินในช่วงที่ผ่านมา
2. IMF คาด GDP โลกปีนี้โต 3.2% ไม่เปลี่ยนแปลงจากคาดการณ์เมื่อ เม.ย. แต่ปรับลดคาดการณ์ GDP สหรัฐปีนี้เป็น 2.6% จากเดิมคาด 2.7%
3. REIC ระบุดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน 2Q67 เพิ่มขึ้น 1.2%QoQ และเพิ่มขึ้น 3.8%YoY บ่งชี้ราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐานยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง แต่ในไตรมาสนี้ปรับตัวขึ้นไม่มาก
4. ครม. เห็นชอบสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี กับกลุ่ม BEM (BEM ร่วมกับ CK) วงเงินลงทุนรวม 1.4 แสนลบ. หลังศาลปกครองสูงสุดยกฟ้องทุกคดี เตรียมเซ็นสัญญา 18 ก.ค. โดยช่วง 10 ปีแรกเก็บค่าโดยสาร 15-44 บ.
5. ข่าวชาวต่างชาติเสียชีวิต 6 ราย ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ คาดจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อการท่องเที่ยวไทยและ ERW ในระยะสั้น โดยเหตุการณ์นี้จะผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยน้อยกว่าเหตุการณ์เชิงลบในอตีต เพราะความเสียหายอยู่ในวงจำกัดมากกว่า
6. GULF-INTUCH ประกาศควบรวมกิจการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งธุรกิจพลังงาน โทรคมนาคม โดยตั้งบริษัทใหม่ NewCo ใน 2Q68 เรามองบวกต่อ GULF และ INTUCH เพราะทำให้ NewCo จะมี Flexibility ในการบริหารมากขึ้น และทำ Synergy ภายในกลุ่มได้ง่ายขึ้น
ข่าวเด่น