ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (22 ก.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,415.44 จุด เพิ่มขึ้น 127.91 จุด หรือ +0.32%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,564.41 จุด เพิ่มขึ้น 59.41 จุด หรือ +1.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,007.57 จุด เพิ่มขึ้น 280.63 จุด หรือ +1.58% โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.96% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวขึ้น 1.20% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.72%
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงได้รับแรงซื้ออีกครั้ง หลังจากที่ถูกเทขายอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นไมโครซอฟท์ บวก 1.3% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.2 % หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 5.1% และหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 2.2%
หุ้นอินวิเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.8% หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อินวิเดียกำลังวางแผนที่จะผลิตชิป AI รุ่นใหม่เพื่อป้อนให้กับตลาดจีน โดยชิปรุ่นดังกล่าวมีความสอดคล้องกับกฎระเบียบการควบคุมการส่งออกที่รัฐบาลสหรัฐบังคับใช้ในปัจจุบัน
นักลงทุนประเมินสถานการณ์การเมืองที่จะเกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ประกาศถอนตัวจากการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2567 และสนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีนี้ แข่งกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน
การถอนตัวของไบเดนอาจทำให้นักลงทุนต้องกลับมาทบทวนกลยุทธ์การซื้อขาย เพราะเดิมทีหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า หากพรรครีพับลิกันชนะเลือกตั้ง ก็อาจนำไปสู่ภาระทางการคลังของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ตลาดอาจได้ประโยชน์หากรัฐบาลชุดใหม่มีแนวโน้มจะครองเสียงข้างมากได้แค่สภาเดียว
พอล แอชเวิร์ธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือของ Capital Economics กล่าวว่า ทรัมป์ยังคงเป็นตัวเต็งที่จะชนะการเลือกตั้ง แต่โอกาสชนะของเขาลดลงเล็กน้อยเมื่อต้องเจอกับแฮร์ริส เทียบกับตอนที่เจอกับไบเดน โดยแฮร์ริสมีโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองต่อชาวอเมริกันในการดีเบตกับทรัมป์ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 10 ก.ย.นี้
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ ปรับตัวผันผวน โดยหุ้น Trump Media & Technology Group ปิดตลาดลดลง 0.8% ขณะที่หุ้น Phunware ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ พุ่งขึ้น 4%
หุ้นคราวด์สไตรค์ (CrowdStrike) ร่วงลง 13.5% โดยราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ (19 ก.ค.) หลังจากคราวด์สไตรค์ได้ทำการอัปเดตซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ซึ่งส่งผลให้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ของไมโครซอฟท์ล่ม สร้างความปั่นป่วนให้กับบริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งสายการบิน ธนาคาร และบริการด้านสุขภาพ
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ค.จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2567, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ข่าวเด่น