ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (26 ก.ค.67) เวลา 9.59 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,291.90 จุด บวก 0.32 จุด มูลค่าการซื้อขาย 2,006.25 ล้านบาท
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมิน SET วันนี้สัญญาณยังอ่อนแรง และตลาดที่ขาดปัจจัยหนุนใหม่ รวมถึงปัจจัยการเมืองยังไม่ชัดเจน ทำให้แนวโน้ม SET การฟื้นตัวยังจำกัด โดยมีแนวต้าน 1298 และ 1305 จุด ตามลำดับ ขณะที่ในภาพรวมยังมีตวามเสี่ยงด้าน downside โดยมีแนวโน้มทดสอบจุดต่ำเดิมบริเวณ 1287 และ 1280 จุด ตามลำดับ
ช่วงสั้นมอง SET ยังคงมี Upside จำกัด เนื่องจากยังรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศและรายละเอียดของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อีกทั้งติดตามงบ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาดได้แรงหนุนจากสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ย โดยคาดดัชนี PCE และ PMI ของสหรัฐจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง อีกทั้งงบ 2Q67 ของ บจ. ในสหรัฐน่าจะยังแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดีความคาดหวังต่อ Fund Flow ที่จะไหลกลับสู่ตลาด EM อาจจะยังจำกัดจากเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอและค่าเงินดอลลาร์ที่ยังไม่อ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นจะยังเป็นความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
กลยุทธ์การลงทุน
ตลาดหุ้นไทย ยังมี Upside จำกัด หลังรอความชัดเจนของปัจจัยต่างๆ ในประเทศและติดตามงบ 2Q67 ของบจ. ไทย ส่วนสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นจะเป็นความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1.หุ้นกลุ่ม Earnings Play ซึ่งคาด 2Q67 กำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT BEM OSP TU KCE CPF TRUE
2.หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL AOT
3.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC AOT CPALL BDMS BBL KTB GULF
4.ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว แม้ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังไม่กระจายออกในวงกว้าง แต่ยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง และโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
หุ้น TOP PICKS วันนี้
- PTTGC ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวในฐานะผู้ผลิตปิโตรเคมีจากก๊าซซึ่งต้นทุนที่ต่ำกว่า อีกทั้งคาดหวัง Sentiment บวกจากจีนออกมาตรการกระตุ้น ศก. หนุนการบริโภคนำไปสู่แนวโน้มอุปสงค์ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น ขณะที่ 2H67 คาดกำไรปกติดีขึ้น HoH จาก GRM ฟื้น และ valuation ไม่แพง PBV 67F 0.4 เท่า
- CPAXT 2Q67 คาดกำไรปกติ 2 พันลบ. เพิ่มขึ้น 20%YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น และ SG&A/Sales ที่ลดลง ส่วน 3Q67 คาดกำไรโตต่อเนื่อง YoY และทำระดับสูงสุดของปีใน 4Q67 อีกทั้งมี Upside Risk จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (ยังไม่รวมในประมาณการ) แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 29.75 บ.
ประเด็นสำคัญวันนี้ที่ต้องติดตาม
1. GDP 2Q67 (ประมาณการครั้งแรก) ของสหรัฐ +2.8% สูงกว่าตลาดคาดที่ +2.1% และสูงกว่า 1Q67 ที่ +1.4% หนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน
2. วานนี้ PBOC ประกาศลด ดบ. เงินกู้ระยะกลางสำหรับสถาบันการเงินและธนาคารต่างๆ ทั่ว ปท. เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี ขณะที่รัฐบาลกำลังพยายามกระตุ้น ศก. ที่ซบเซา
3. ส.อ.ท. รายงานยอดผลิตรถยนต์ มิ.ย. ลดลง 20.11%YoY และปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปีนี้เหลือ 1.7 จาก 1.9 ล้านคัน โดยปรับยอดผลิตเพื่อจำหน่ายใน ปท. เป็น 5.5 จาก 7.5 แสนคัน จากหนี้ครัวเรือนสูง รายได้ต่ำ
4. BOI ระบุ 6M67 มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน 1,412 โครงการ เพิ่มขึ้น 64%YoY เงินลงทุนรวม 4.58 แสนลบ. เพิ่มขึ้น 35%YoY สะท้อนถึงความเชื่อมั่น นลท. และผลจากมาตรการส่งเสริมการลงทุน
5. บอร์ด รฟท. มีมติอนุมัติโครงการความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค กรุงเทพ-หนองคาย (ระยะที่ 2) ระยะทาง 357.12 กม. กรอบวงเงิน 3.4 แสนลบ. โดยจะนำเสนอ ครม. พิจารณา คาดได้รับอนุมัติ ม.ค. 68
6. พาณิชย์คาดปลายสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า จะแถลงรายละเอียดอีกครั้งเกี่ยวกับการลงทะเบียนร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในช่วง ส.ค.-ก.ย. นี้ คาดจะดึงร้านเข้าระบบทั้งหมดเกือบ 2 ล้านราย
7. วันนี้ติดตามศาลปกครองสูงสุดชี้ขาดคดีหนี้จ้างเดินรถส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวของ BTS เม็ดเงินรวมกว่า 3.9 หมื่นลบ. อ่านคำพิพากษาคดีแรกวันนี้ 1.2 หมื่นลบ.
ข่าวเด่น