ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (2 ส.ค.67) เวลา 9.59 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,315.41 จุด ลบ 7.34 จุด มูลค่าการซื้อขาย 2,332.42 ล้านบาท
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมิน SET วันนี้ มีแนวโน้มขึ้นมาบริเวณแนวต้าน 1330 จุด และอ่อนตัว ซึ่งมองมี upside จำกัด บริเวณนี้ ขณะที่ sentiment ลบ ของตลาดหุ้นสหรัฐ และประเด็นสำคัญทางการเมือง สำหรับคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในสัปดาห์หน้าวันที่ 7 ส.ค. เป็นปัจจัยกดดันให้ดัชนีอ่อนตัวได้ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1315 และ 1310 จุด ตามลำดับ
ช่วงสั้นมอง SET ลุ้นรีบาวด์ได้แต่ยังมี Upside จำกัด เนื่องจากยังรอติดตามประกาศผลประกอบการ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาดว่ามีโอกาสรีบาวด์ได้หลังสัปดาห์ก่อนมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมา และต้องติดตามผลประกอบการ 2Q67 ของ บจ. ในสหรัฐที่ยังจะออกมาซึ่งคาดแข็งแกร่ง ขณะที่เศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอและสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นยังเป็นความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
กลยุทธการลงทุน
มองตลาดหุ้นไทยลุ้นรีบาวด์แต่ยังมี Upside จำกัด ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยในประเทศและติดตามงบ 2Q67 ของบจ. ไทย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1.หุ้นกลุ่ม Earnings Play ซึ่งคาด 2Q67 กำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT BEM OSP TU CPF TRUE AMATA
2.หุ้นคาดได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA หรืออยู่ใน Global Sustainability Index เลือก DELTA TOP BEM MINT AOT
3.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC AOT CPALL BDMS BBL KTB GULF
4.ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว แม้ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังไม่กระจายออกในวงกว้าง แต่ยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง และโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
หุ้น TOP PICKS วันนี้
- CKP ช่วงสั้นมองได้ประโยชน์จาก Bond Yield ที่ปรับลง คาดผลประกอบการ 2Q67 ได้แรงหนุนจากการผลิตไฟฟ้าจากน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่มองโมเมนตัมกำไร 3Q67 ยังดีต่อเนื่องเนื่องจากเป็นฤดูฝน ปริมาณน้ำสำหรับการผลิตไฟฟ้าคาดว่าจะสูงขึ้นสูงสุดในรอบปี แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 3.90 บ.
- CPALL 2Q67 คาดกำไรสุทธิ 5.8 พันลบ. เติบโต 31%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ หนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPAXT แนวโน้มกำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มฯ จากการเติบโตทั้งจากธุรกิจ CVS และ CPAXT แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 57 บ.
ประเด็นสำคัญวันนี้ที่ต้องติดตาม
1. ดัชนี PMI ภาคการผลิต ก.ค. ของสหรัฐโดย ISM ปรับลงต่ำสุดนับตั้งแต่ พ.ย. 66 สวนทางตลาดคาดปรับขึ้น ส่วนตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่ ส.ค. 66
2. BoE มีมติ 5:4 เสียง ลด ดบ. นโยบายสู่ 5.00% ตามตลาดคาด เป็นการลด ดบ. ครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี หลังตรึง ดบ. 7 ครั้ง ตั้งแต่ ส.ค. 66
3. OPEC+ มีมติคงการปรับลดกำลังผลิตรวม 5.86 ล้านบาร์เรล/วัน จากการลดกำลังผลิตชาติสมาชิก OPEC+ 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน และการลดกำลังผลิตโดยสมัครใจของสมาชิก OPEC+ 8 ชาติ 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน บ่งชี้ว่า OPEC+ จะเริ่มปรับเพิ่มกำลังผลิตในเดือน ต.ค. 67
4. คกก. พัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ระบุจีนไม่มีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มเติมในช่วง 2H67 โดยจะเน้นสร้างแรงขับเคลื่อน ศก. รูปแบบใหม่
5. จีนเตรียมเพิ่มการซื้อข้าวสาลีเพื่อพยุงราคาข้าวสาลี หลังฝนที่ตกหนักทางตอนเหนือของจีน ส่งผลให้มีผลผลิตข้าวสาลีส่วนเกินเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ศก. ที่ซบเซาทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแป้งลดลง
6. กกพ. มีมติตรึงอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยทั่ว ปท. ที่เรียกเก็บกับ ปชช. (ไม่รวม VAT) งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 67 อยู่ที่ 4.18 บ./หน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ยังคงเรียกเก็บในอัตรา 3.99 บ./หน่วยตามเดิม
7. ตลท. ทำแผนดึงธุรกิจครอบครัวระดมทุนเข้าตลาดหุ้น ระบุมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ และ ตลาดทุนไทย จากข้อมูลบ่งชี้หลังธุรกิจเข้าตลาดฯ มีรายได้ กำไรและมูลค่ามีสินทรัพย์โตต่อเนื่อง ปี 66 มีมูลค่าสินทรัพย์รวมกันกว่า 25 ล้านลบ.
ข่าวเด่น