ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (6 ส.ค.67) เวลา 9.56 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,288.63 จุด บวก 13.96 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,399.37 ล้านบาท
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมิน SET วันนี้ ยังเผชิญปัจจัยกดดันจากการปรับฐานของตลาดหุ้นต่างประเทศ ขณะที่ในประเทศมีความกังวลด้านการเมืองก่อนคําวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันพรุ่งนี้ ทําให้ดัชนีมีแนวโน้มปรับลงต่อ โดยมีแนวรับบริเวณ 1260 และ 1250 จุด ตามลําดับ เป็นจุดติดตามที่คาดมีโอกาสรีบาวด์ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1280 และ 1290 จุด ตามลําดับ
ช่วงสั้นมอง SET จะปรับลงตามตลาดหุ้นโลก เนื่องจากกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ และต้องติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นซึ่งอาจส่งผลต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้
อย่างไรก็ดี มอง SET ยังมีโอกาสปรับลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก จากการเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น และเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น ซึ่งคาดไทยมีแนวโน้มจะได้รับกระแสเงินนี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนํา Selective Buy
ทั้งนี้ มองตลาดหุ้นไทยจะปรับลงจากกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย แต่ยังมีโอกาสปรับลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก จากงบ 2Q67 ของ บจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น และเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนํา “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นกลุ่ม Earnings Play ซึ่งจะมีการประกาศงบ 2Q67 ในสัปดาห์หน้า โดยคาดกําไรจะยังสามารถเติบโต YoY อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก ADVANC TU CPAXT BTG CBG BCP GPSC AU
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาท และลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เลือก ADVANC AOT CPALL BDMS BBL KTB GULF
3) หุ้นคาดได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA หรืออยู่ใน Global Sustainability Index เลือก DELTA TOP BEM AOT
4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความไม่สงบในตะวันออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น และยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานน ามันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสําหรับป องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขันต้นอย่าง PTTEP
หุ้น TOP PICKS วันนี้
- CPAXT 2Q67 คาดกําไรปกติ 2 พันลบ. เพิ่มขึ้น 20%YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น และ SG&A/Sales ที่ลดลง ส่วน 3Q67 คาดกําไรโตต่อเนื่อง YoY และทําระดับสูงสุดของป ใน 4Q67 อีกทั้งมี Upside Risk จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (ยังไม่รวมในประมาณการ) แนะนําราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 29.25 บ.
- KTB 3Q67 คาดกําไรทรงตัว YoY ส่วน 4Q67 คาดกําไรเพิ่มขึ้น YoY หนุนให้ปี 2567 คาดกำไรเพิ่มขึ้น 11% จาก Credit Cost ลดลง สินเชื่อเติบโต NIM ดีขึ้นรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต ขณะที่ความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ต ากว่า ธพ. อื่นๆ Valuation ถูก PER 67F ที่ 6.0x (-2SD) แนะนําราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 17.30 บ.
ประเด็นสำคัญวันนี้ที่ต้องติดตาม
1. ตลาดหุ้นทั่วโลกและสินทรัพย์เสี่ยงถูกขาย หลังกังวล ศก. สหรัฐฯ เผชิญภาวะถดถอย โดยวานนี้ Nikkei225 ปรับลง -12.4%DoD รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลงต่ออีกราว -3%DoD
2. Goldman Sachs เพิ่มความเป็นไปได้ที่ ศก. สหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็น 25% จาก 15% และคาด Fed จะลด ดบ. 25bps ใน ก.ย. พ.ย. และ ธ.ค. แต่ระบุยังมีอีกหลายเหตุผลที่ไม่ควรกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอย
3. ดัชนี PMI ภาคบริการ ก.ค. ของจีนโดยไฉซิน ปรับขึ้นดีกว่าตลาดคาดและขยายตัวต่อเนื่อง 19 เดือน ส่วน PMI ภาคบริการ ก.ค. ของสหรัฐ โดย ISM เพิ่มสูงกว่าตลาดคาด จากคําสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานเพิ่ม
4. ราคาหุ้น Apple -4.8%DoD หลัง Berkshire Hathaway ลดการถือครองหุ้นลงเกือบ 50% ส่งผลให้กระแสเงินสดของ Berkshire เพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.77 แสนล้านเหรียญ
5. ปธน. ไบเดน จัดการประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ใน ตอ. กลาง หลังสหรัฐและอีกหลาย ปท. ต่างก็เตือนให้ปชช. รีบเดินทางออกจากเลบานอนโดยเร็วที่สุด
6. ธปท. ระบุมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในส่วนการผ่อนชําระขั้นต่ำของบัตรเครดิต โดยให้คงอยู่ที่ 8% ออกไปอีก 1 ปีจนถึงปี 2568 เพื่อช่วยกลุ่มเปราะบางลดภาระการจ่ายหนี้ คาดกระทบรายได้ ธพ. ราว 1 พันลบ.ต่อปี
7. ก. คลังระบุยอดการลงทะเบียนโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ล่าสุดกว่า 25 ล้านคน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามกรอบเวลา
ข่าวเด่น