ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (7 ส.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,763.45 จุด ลดลง 234.21 จุด หรือ -0.60%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,199.50 จุด ลดลง 40.53 จุด หรือ -0.77% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,195.81 จุด ลดลง 171.05 จุด หรือ -1.05%
เนื่องจากตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่ร่วงลง 1.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P500 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 3.968% หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐได้เปิดประมูลพันธบัตรอายุ 10 ปี วงเงิน 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ แต่ได้รับการตอบรับอย่างซบเซาในตลาด
โดย Bid-to-Cover Ratio ซึ่งเป็นมาตรวัดความต้องการพันธบัตรของนักลงทุน อยู่ที่ระดับ 2.32 เท่า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาตราสารหนี้ทั่วโลกรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐด้วยนั้น จะทำให้ผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มขึ้น และทำให้บริษัทต่าง ๆ มีต้นทุนการชำระหนี้ที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุนและลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันที่ 14 ส.ค. รวมทั้งการแสดงความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมประจำปีของเฟดซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 22-24 ส.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
ข่าวเด่น